ชี้ ทางออกให้ 2 หมอ รพ.ตร. อยากสง่างาม ต้องชิงลาออกก่อนถูกตั้งกรรมการฯ การเมืองหยุดทำลายองค์กรสีกากี เพื่อเรียกศรัทธาเสียงเลือกตั้งสมัยหน้า

768

ตามที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา พ่นพิษชั้น 14 รพ.ตร. ได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง นั้น

ทีนี้มาดูแนวทางปฏิบัติและข้อกฎหมาย ที่ ตร.กันว่าต้องดำเนินการต่อกันอย่างไร ซึ่งล่าสุดแพทยสภามีหนังสือแจ้งมติมาให้ ตร.ทราบแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติว่า มติของแพทยสภามีผลผูกพันส่วนราชการว่าจะต้องรับฟังมติของแพทยสภาในการพิจารณาทางวินัย จึงมีผลเพียงนำมารับฟังประกอบพยานหลักฐานได้แค่นั้นครับ ส่วนการดำเนินการทางวินัยของ ตร. เป็นไปตามกฎหมายตำรวจมาตรา 117 ระหว่างการดำเนินการจะเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งก็ต้องพิจารณาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ประกอบกับ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567

ในส่วนของ 2 หมอ ของ รพ.ตร.นั้น เมื่อ ตร.ได้รับมติจากแพทยสภาแล้ว ผบ.ตร. ก็จะต้องส่งหนังสือให้สำนักงานกำลังพลและกองวินัยเพื่อให้พิจารณารายละเอียดแล้วเสนอเพื่อสั่งการ ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในส่วนเรื่องการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นตามหลักอาวุโสต้องพิจารณาตามกฎหมายและกฎ ก.ตร. อีกครั้งหนึ่ง นี่คือแนวทางปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่มีอยู่

ซึ่งในขั้นการต่อสู้ของหมอทั้ง 2 นาย ล้วนเป็นข้าราชการแพทย์ชั้นผู้ใหญ่ วัยใกล้เกษียณราชการ ไม่ใช่หมอจบใหม่ หากยังดื้อดึงต่อสู้ไป เห็นแต่จะพังกับพัง นั่นคือองค์กรตำรวจจะพังพินาศเพราะหมอ 2 นายนี้ เพราะความผิดเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนตามมติแพทยสภา ซึ่งจริง ๆ แล้วโทษแค่สั่งพักใบอนุญาตเวลาแค่น้อยนิด ถือได้ว่าคณะกรรมการแพทยสภามีความปรานีมากพอแล้ว

หากทั้งสองหมอสำนึกผิดยืดอกน้อมรับผิดแบบลูกผู้ชาย สังคมยังให้อภัยพร้อมเข้าใจได้ว่าถูกกดดันจาก สทร. หากมองย้อนกลับไปในอดีต ขุนพลข้างกายของ สทร. เอง มีตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น มวลชนพี่น้องประชาชนชาวเสื้อแดงติดคุกติดตะรางกันมากมาย สังคมรับรู้กันทั่วหน้า ขอถามหมอทั้งสองนายของ รพ.ตำรวจ ท่านต้องการพลีชีพเพื่อ สทร. เหรอ? กับยืดอกน้อมรับผิดแล้วลาออกจากตำแหน่ง ปฏิบัติตามมติแพทยสภา ท่านยังกลับมาสง่างามได้ ประกอบอาชีพที่มีเกียรติของท่านต่อได้ แต่หากยังขืนจะต่อสู้ให้พ้นผิด ใครจะเป็นการันตีให้ว่าท่านจะชนะคดีพ้นผิดได้ ถ้าหมอทั้งสองท่านคิดเป็นคิดออก คนที่จะช่วยท่าน คือ สทร. จะยังเอาตัวไม่รอดเลย ศาลฯ กำลังจะพิจารณา ผลจะออกมาลูกผีลูกคนยังไม่มีใครกล้าฟันธง นักวิชาการด้านกฎหมายต่างฟันธงว่า สทร. คงไม่รอด ท่านหมอทั้งสองต้องคิดตรึกตรองให้หนัก ท่านกำลังจะถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง แล้วถ้าคณะกรรมการพิจารณาตามแนวมติแพทยสภา นั่นคือต้องเจอผิดจริยธรรมร้ายแรง หรือเจอ ม.157 ท่านก็เหมือนขุนพลข้างกาย สทร. คนอื่น ๆ ที่ถูกลอยแพตามตัวอย่างที่มีให้เห็นในอดีต

ทางลงที่สง่างามของทั้ง 2 ท่าน คือ ลาออกเลยครับ อย่าช้า หากท่านลาออกทุกอย่างจบ รักษาองค์กรไว้ แถมท่านจะยังไม่ถูกตั้งกรรมการให้สืบสวนข้อเท็จจริงด้วย สังคมพระสงฆ์เสื่อมสุด ๆ คุณหมอทั้งสองท่านต่างก็รับรู้ดี หากท่านไม่ลาออก ทั้งวงการแพทย์ องค์กรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงต้องพังทลาย ยากที่จะกอบกู้ต่อไป

สุดท้าย ขอฝากถึงนักการเมืองที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จงคิดไตร่ตรองทุกมิติ หากท่านกดดันให้ ผบ.ตร. ช่วยฟอกขาวให้ 2 หมอพ้นผิด ตำรวจกว่า 2 แสนนาย พร้อมประชาชนที่เฝ้าจับตากรณีนี้อยู่ คะแนนเสียงการเลือกตั้งครั้งต่อไปรออยู่ คิดว่าท่านคงจะไม่โง่ที่จะเลือกบทโยนเผือกร้อนให้กับ ผบ.ตร. การเมืองต้องเป็นกำแพงให้ข้าราชการที่ดี ๆ ถึงจะเรียกคะแนนเสียงความศรัทธาจากประชาชนได้ เพราะหากองค์กรตำรวจเป็นที่ยอมรับ นั่นคือดัชนีชี้วัดผลงานรัฐบาล เลือกเอาจะเดินทางไหน ระหว่าง การสร้างความศรัทธาให้กับประชาชน กับ ฟอกขาวให้สองหมอพ้นผิดทำลายองค์กรตำรวจ เลือกเอาครับ