เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2568 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุ พบศพชายชาวจีน อายุประมาณ 24 ปี บริเวณป้าละเมาะ บ้านป๋างเหว ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สภาพศพถูกห่อด้วยถุงดำและผ้าปูที่นอน นอกจากนี้ตรวจสอบพบมีการใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น โดยคาดว่าก่อนถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทาง โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส. ภ.จว.เชียงใหม่ คาดว่าเป็นศพนายชวง โจว หยาง ที่หายตัวไปและญาติแจ้งขอความช่วยเหลือ
ด้าน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ. 5 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยาง ให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังพบข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชื่อคิงส์โรมัน ในฝั่งประเทศลาว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้าง แท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา และหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท ชุดตำรวจสืบสวนจนพบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่
เดินทางมากับนายหยางและเป็นคนที่พี่สาวของนายหยาง ระบุว่าเป็นคนโทรมาเรียกค่าไถ่ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ในวันที่ 10 ก.ค.

โดยนายฮูกัง เปิดเผยว่าถูกแก๊งชาวจีนกักขังตัวเอาไว้และใช้เงิน 1.5 ล้านบาทไถ่ตัวเองออกมา ตำรวจจึงแจ้ง ข้อหาต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตไว้ก่อนและนำตัวไปสอบสวน
นายฮูกังอ้าง เปิดเผยว่า ถูกนายชางและนายหวังชวง นัดหมายให้พานายหยาง มาจากคิงส์โรมัน มาพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านนิมานเหมินทร์เชียงใหม่ เพื่อเจรจาธุรกิจสีเทา แต่หลังกินข้าวเสร็จเดินทางขึ้นรถยนต์เก๋งไปบ้านเช่า ของนายซาง ย่านตำบลสันผักหวาน ในอำเภอหางดง และอ้างว่าหลังตื่นนอน พบตนเองถูกมัดไว้และถูกใช้มืดจี้เรียกค่าไถ่จนต้องยอมโอนเงินให้จึงถูกปล่อยตัว และถูกพาไปที่ห้องนอนของนายหยางพบถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว จนช่วงค่ำวันเดียวกันนายซางและนายหวังกวง จึงนำตนพร้อมศพของนายหยางขึ้นรถไปทิ้งศพในป้า ก่อนไปส่งตนที่โรงแรม จนมีผู้มาพบศพแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯจึงติดตามจับกุมตัวนายชาง เมื่อ 11 ก.ค. ได้ที่กาดฝรั่ง พร้อมกับเข้าค้นบ้านเช่าที่เกิดเหตุ พบคราบเลือดจำนวนมากทั้งที่โรงรถและห้องนอน ซึ่งนายชางอ้างว่า นายหวังชวงใช้ค้อนทุบนายหยางจนเสียชีวิตและนำศพไปทิ้งไว้ในป่าถนนสายแม่สา-โป้งแยง ในอำเภอแม่ริม พร้อมนำค้อนของกลางและโทรศัพท์ของผู้ตายโยนทิ้งในป่า
ส่วนนายหวังชวง หลบหนีไปแล้วถึงตรงนี้ชุดสืบฯ ไทยยังพบว่า นายชาง-นายหวังชวง ซึ่งเป็นคนร้ายได้ติดต่อนายฮูกังและนายหยาง ซึ่งทำธุรกิจ ที่คิงส์โรมันให้เดิน
ทางมาเชียงใหม่ โดยอ้างจะเจรจาธุรกิจขนคนข้าม ชายแดนและขยายฐานธุรกิจสแกรมเมอร์ กระทั่ง “นายหยาง” หลงเชื่อถูกจับเรียกค่าไถ่และถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด
จากการสอบสวนนายชาง ยังให้การวกไปวนมา ระบุว่า ผู้ตากับนายกัง เป็นเพื่อนกัน ทำธุรกิจสีเทา ทั้งอยู่ฝั่งท่าขี้เหล็กในประเทศเมียนมา รวมถึงฝั่งประเทศลาว ที่คิงโรมัน รวมถึงฝั่งเมียวดี และประเทศกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ตามคำให้การของนายชาง กับนางกัง ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป

