ตำรวจCIB ไล่ล่าหนุ่มเสพยาซิ่งรถมอไซค์ย้อนศร หวังหนีตำรวจสุดชีวิต สุดท้ายไม่รอด โดนรวบทันควัน

373

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาส รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล.,
พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง, พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง รอง ผกก.2 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย ร.ต.ท.สมบัติ ปัตเมฆ รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. และ
จ.ส.ต.อมรเทพ อินนิมิตร ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

จับกุม นายธิระพันธ์ฯ อายุ 38 ปี โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “1. เสพยาเสพติดให้โทษประประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต​เป็นผู้ขับขี่รถและเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมด้วย ใบรายงานผลการตรวจปัสสาวะของนายธิระพันธ์ฯลงวันที่ 12 ก.คน.68 ของ โรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร สถานที่จับกุม บริเวณถนนทางหลวง 41 กม.45 อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร

พฤติการณ์ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 12 ก.ค.68 ตำรวจทางหลวงชุมพรได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ออกตรวจเส้นทางหลวงหมายเลข 41 ถึงช่วง กม.50 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก พบนายธิระพันธ์ฯ ขับขี่มอเตอร์ไซค์บนท้องถนนในลักษณะส่ายไปมา หวาดเสียว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถนนคนอื่น จึงส่งสัญญาณไฟและประกาศเสียงออกไปให้จอดรถ แต่นายธิระพันธ์ฯ กลับเร่งเครื่องรถขับขี่หนีออกไปด้วยความเร็ว ทั้งยังขับขี่ย้อนศรทั้งขาขึ้น-ขาล่อง ก่อนเลี้ยวหลบเข้าซอยแล้วจอด เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งติดตามจนสกัดจับกุมตัวนายธิระพันธ์ฯ ได้


เมื่อเข้าไปพูดคุยสอบถาม พบนายธิระพันธ์ฯ มีอาการพิรุธ จึงขอทำการตรวจค้นตัวและรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่มา ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่เมื่อทำการสอบถามอีกครั้ง นายธิระพันธ์ฯ ยอมรับสารภาพว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปตรวจปัสสาวะที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหลังสวน ผลเป็นบวก และได้ส่งไปตรวจยืนยันอีกครั้งที่โรงพยาบาล ผลก็ยังคงเป็นบวก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวนายธิระพันธ์ฯ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งตะโก ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”