แกนนำม็อบยื่น 3 เงื่อนไขไล่นายกฯ แทงกั๊กชี้ทางออก – หวั่นปลุกผีปฏิวัติ

1030

นับจากนี้ไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไปในทิศทางไหน เพราะดูบรรยากาศแล้วคล้าย ๆ จะเดินไปสู่ทางตัน สภาพรัฐบาลคล้ายเป็ดง่อย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 9:0 รับคำร้องที่สมาชิกวุฒิสภายื่นถอด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากนายกรัฐมนตรี และลงมติ 7:2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด และให้ส่งเอกสารชี้แจงภายใน 15 วัน

ขณะที่ม็อบขับไล่รัฐบาลนัดชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แกนนำม็อบส่วนใหญ่เป็นขาประจำที่เคยก่อม็อบกวักมือให้ทหารออกมาก่อรัฐประหารถึง 2 ครั้ง แล้วได้ตำแหน่งตอบแทน ประกาศยื่นเงื่อนไข 3 ข้อหลัก 1. ให้น.ส.แพทองธารลาออกจากนายกรัฐมนตรีทันที 2. ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที และ3. การแสดงจุดยืนของมวลชนแสดงพลังเพื่อปกป้องอธิปไตยไทย

จากคำประกาศแบบไม่ได้ชี้ทางออกไว้เลยว่าถ้า น.ส.แพทองธารลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว แล้วจะจัดตั้งรัฐบาลกันอย่างไร แต่มีคำปราศรัยของแกนนำบางคนในทำนองว่าถ้าการเมืองแก้ไม่ได้จะทำก็ทำไป แต่ถ้าทำขออย่าเอาพล.อ.มาบริหารชาติบ้านเมืองอีก คงตีความได้อย่างเดียวว่ากำลังกวักมือเรียกให้ทหารออกมาทำรัฐประหารอีก

แม้แกนนำม็อบหลายคนจะออกปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกร้องรัฐประหาร แต่ไม่ได้แสดงจุดยืนให้เห็นว่าจะต้องแก้วิกฤตการเมืองด้วยวิถีของระบบสภาฯ เสมือนแทงกั๊กว่าทำรัฐประหารก็ได้ อาจจะไม่ต่อต้าน

เมื่อนำเงื่อนไขที่ 1 มองอย่างวิเคราะห์ว่าถ้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แกนนำม็อบจะพอใจหน้าตาของรัฐบาลหรือไม่? เพราะถ้า น.ส.แพทองธารลาออก พรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่ดี เพราะเชื่อว่านายทักษิณ ชินวัตร และแกนนำเพื่อไทยคงไม่ยอมให้พรรคอื่นมาบริหารอำนาจแน่นอน

นายกรัฐมนตรีจะเป็น นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา กล้าธรรม ประชาธิปัตย์ ประชาชาติ ชาติพัฒนา ไทยรวมพลัง ประชาธิปไตยใหม่ ไทยก้าวหน้า และงูเห่าจากไทยสร้างไทย และอาจจะมีพรรคภูมิใจไทยกลืนน้ำลายกลับลำเข้าร่วมรัฐบาลก็เป็นได้

เงื่อนไขที่ 2 พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวแล้วรวมพลังดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คงเป็นไปได้ยาก เพราะเพื่อไทยคงไม่ยอมเป็นเบี้ยล่าง ถ้าพรรคเพื่อไทยถอยฉากออกมา จะทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลไม่เพียงพอ เว้นแต่จะดึงพรรคประชาชนมี 143 เสียงมาร่วม คงเป็นแค่ฝันกลางวัน เพราะพรรคประชาชนประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่แล้วว่าจะไม่เป็นรัฐบาลเว้นแต่จะเลือกตั้งใหม่

หรือหากจะใช้แนวทางนิติสงครามจัดการกับ 44 สส. ของพรรคประชาชน พรรคประชาชนจะเหลือ สส. 99 คน บวกกับเพื่อไทย 142 คน บวกกับพรรคประชาชาติ 9 คน และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง ฝ่ายค้านมีเสียงรวม 251 เสียง เกินกว่าครึ่งของ สส. ในสภาแล้ว

จึงไม่แน่ใจช่วงแกนนำม็อบร่างแถลงการณ์เงื่อนไขที่ 2 นั้นร่วมกันคิดจริง ๆ หรือไม่ หรือคิดแค่เล่น ๆ ให้แถลงการณ์ออกมาดูเท่ เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน โอกาสที่จะตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคเพื่อไทยเป็นไปได้ยากมาก เพราะทราบดีอยู่แล้วว่าพรรคประชาชนไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย

เมื่อมองทั้งสองเงื่อนไขแล้ว รัฐบาลที่มาจากระบอบรัฐสภาไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป้าหมายของแกนนำม็อบ รวมถึงแนวร่วมที่เคยเสพสุขกับรัฐบาลเผด็จการทหารทั้งสองยุคที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น ทำเพื่อส่วนรวมหรือส่วนตัวให้ได้กลับเข้ามามีอำนาจ เสพสุขรับผลประโยชน์กันอีกรอบกันแน่

ถ้าทำเพื่อส่วนรวมจริง ระหว่างอ่านแถลงการณ์ยื่นเงื่อนไข 3 ข้อแล้ว ต้องเสนอทางออกให้กับรัฐบาลและรัฐสภาว่าจะต้องฟอร์มรัฐบาลอย่างไร หรือถ้าฟอร์มรัฐบาลไม่ได้ ให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่มิได้นำเสนอ ตรงข้ามแกนนำบางคนกลับปราศรัยกวักมือให้ทหารออกมาก่อรัฐประหารอีกต่างหาก

ซึ่งการรัฐประหารไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเจริญรุดหน้าเลย ถ้าเป็นผลดีจริง ๆ ไทยคงเจริญรุดหน้าทั้งระบบเศรษฐกิจและการเมือง ทิ้งห่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์แบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว

ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมเกิดความคลางแคลงใจว่าถ้าไปร่วมจะกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมเรียกร้องให้ทหารออกมาก่อรัฐประหาร แกนนำม็อบต้องประกาศจุดยืนให้ชัดเจนว่าไม่เอารัฐประหาร ต้องแก้วิกฤตการบ้านเมืองด้วยระบอบรัฐสภา คือนายกรัฐมนตรีลาออก ฟอร์มรัฐบาลใหม่ หรือยุบสภาเลือกตั้งใหม่เท่านั้น หากมีรัฐประหารจะต้องถูกต่อต้านจากพวกเรา

ถ้ากล้าประกาศแบบนี้ จะเป็นผลดีต่อแกนนำ ไม่ต้องมาแก้ต่างว่าที่ชุมนุมนั้นไม่ต้องการรัฐประหารตามที่ถูกกล่าวหา และประชาชนจะเข้าร่วมด้วยความสบายใจด้วย

แต่ถ้าไม่กล้าประกาศ คงอนุมานได้ว่าต้องการให้ทหารก่อรัฐประหาร แล้วจะได้เสวยสุขกันเหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายวงจรอุบาทว์ในระบบการเมืองไทย ยังตามหลอกตามหลอนประชาชนทั้งประเทศเหมือนเดิม!!!