โฆษกพปชร. อัด “แพทองธาร2” รบ.แลกผลประโยชน์ เอาจำนวน สส.แลกเก้าอี้ รมต. ตั้งมาเฟีย เป็นเสนาบดี

498

กรุงเทพฯ วันที่ 23 มิ.ย. – พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าววิจารณ์การจัดตั้งรัฐบาลแพทองธาร2 ว่าเป็นการตั้งแบบแลกผลประโยชน์ วางตัวรัฐมนตรีโดยไม่ดูถึงความรู้ความสามารถแต่อย่างใด ผิดฝาผิดตัวเพราะคิดเพียงแค่ จำนวนส.ส. แลกโควตา ตั้งคนที่เป็นมาเฟีย นักเลงหัวไม้ มาเป็นรัฐมนตรี โดยประชาชนไม่ได้อะไร หากรัฐบาลมุ่งเอาแต่เสียงสนับสนุนรัฐบาลเป็นหลักแล้วจัดสรรโควตาไปตามสัดส่วน โดยไม่พิจารณาคุณสมบัติ แต่เอาคนที่ไม่เหมาะสมทั้งความรู้ความสามารถและความประพฤติมาเป็นรัฐมนตรีหรือเสนาบดี แทนที่จะดูคนที่เคยมีความรู้ความสามารถประสบการณ์งานด้านนั้นๆ มาทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ เช่นนี้ประเทศจะพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างไร  ประชาชนจะได้อะไร  นอกจากนั่งคอยมองนักการเมืองเอาแต่แบ่งผลประโยชน์กันและกัน

โฆษก พปชร. กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงสำคัญที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อยภายใน  ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ที่ พรรคภูมิใจไทยเคยดูแลได้ดีมาก่อน แต่รัฐบาลกลับเอาคนที่ควบคุมได้เอามาเพื่อผลักดันบ่อนการพนันหรือกาสิโนเสรี  การแก้ปัญหาที่ดินอัลไพน์ที่เป็นปัญหาของตระกูล “ชินวัตร”  ตลอดจนปกป้องธุรกิจสีเทาในเครือข่ายคนสนิทของรัฐบาล  โดยเฉพาะการพนันออนไลน์  ตลอดจนปัญหากระบวนการ อาชญากรข้ามชาติ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้  แต่พอแม่ทัพภาค2 ปิดด่าน ตัดท่อน้ำเลี้ยง กลุ่มการพนันปอยเปต จึงชะงักลง

ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤตทั้งด้านการบริหารงานและวิกฤติศรัทธาของบุคลากรในกระทรวง มีปัญหาประสิทธิภาพในการดูแลประชาชน จากข้อมูลกรมควบคุมโรค พบว่าสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กว่า 93,000 คน ถือว่าสูงสุดของปีนี้ในตอนนี้ และยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 320,000 คน เสียชีวิตสะสมแล้ว 69 ราย แสดงให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพการดูแลประชาชน นอกจากนี้บุคลากรภายในกระทรวงยังคงดูถูกเหยียดหยามรัฐมนตรีคนปัจจุบัน หากเอานักเลงหัวไม้มาเป็นรัฐมนตรีเพิ่มอีก อาจจะได้รับการต้อนรับไม่ใช่แค่รองเท้าแตะ เหตุใดจึงไม่ผู้ที่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ให้การยอมรับมาช่วยในการบริหารและพัฒนาประเทศ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ที่ต้องรับผิดชอบการเงินการธนาคารของประเทศ  จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินแนวโน้มปี 2568 ว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินระยะข้างหน้า ทั้งความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เปราะบาง และอ่อนไหวต่อทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก จากนโยบายการค้าประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงบางภาคธุรกิจที่ยังฟื้นตัวช้า มีปัญหาเชิงโครงสร้าง และเผชิญการแข่งขันจาก ประเทศคู่แข่งในอาเซียน ซึ่งปีนี้ ประเทศไทยภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยพาให้ประเทศสู่หายนะ มี GDP ต่ำกว่าประเทศเวียดนาม กัมพูชาและลาว ที่น่าเป็นห่วงคือ หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในสภาวะที่น่าเป็นปัญหา

“ภาพลักษณ์ของรัฐบาลอยู่ในภาวะติดลบ ทั้งด้านความรู้ความสามารถ  ผลงาน ความเชื่อมั่น หากรัฐบาลยังคงแลกผลประโยชน์ไปมา การวางตัว รมต.เป็นแบบผิดฝาผิดตัว ไม่ดูถึงความรู้ความสามารถแต่อย่างใด   เอาคนที่เป็นมาเฟีย นักเลงหัวไม้ มาเป็นรัฐมนตรี แล้วพี่น้องประชาชนจะได้อะไร ไม่มีครั้งใดที่วุฒิสมาชิก จะรวมตัวกันยื่นฟ้องเพื่อถอดถอนนายกฯ ออกจากตำแหน่ง  และไม่มีครั้งใดที่พี่น้องประชาชน  จะรักชาติรักแผ่นดิน  และสามัคคีกลมเกลียวกัน  ออกมาขับไล่นายกฯ เหมือนเช่นนี้เช่นกัน” โฆษก พปชร กล่าว