“ผบ.ตร.“เผยปมคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’อาจจะเชิญ”อิ๊งค์”สอบปากคำ

398

“ผบ.ตร.“เผย ผลสอบสวนปมคลิปเสียง ‘ฮุนเซน’อาจจะเชิญ”นายกฯแพทองธาร”เข้าสอบปากคำ ส่วนเอาผิดผู้นำฯกัมพูชา หรือไม่อยู่ที่พยานหลักฐาน

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่า ก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ก็เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายที่เดินทางมา ตนเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน ทั้งสองฝ่ายได้นำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน
ผบ.ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีความหนักใจอะไร ในวันเดียวกับที่รับเรื่อง ตนได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร


เมื่อถามว่าจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึงอย่างสมเด็จฮุนเซนด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การจะเอาผิดได้หรือไม่ อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิด ผู้นำประเทศกัมพูชาได้หรือไม่ ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน


ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กรณีปรากฏคลิปเสียงการพูดคุย ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุน เซน นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกัน ต้องไปพิจารณาว่ารายละเอียด จะเข้าเงื่อนไขการรวมคดีของ พ.ร.บ.ตำรวจหรือไม่ ความคืบหน้าขณะนี้ คือตำรวจไซเบอร์ได้สอบผู้กล่าวหาแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเช่นกัน


เมื่อถามว่าตำรวจไทยจะกล้าดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซนหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า เกิดมาเป็นตำรวจเราก็ต้องไปตรงไปตรงมา ความกล้าเกิดตั้งแต่ได้ถูกอบรมสั่งสอนอุดมคติการเป็นตำรวจแล้ว จากที่ผ่านมาหลายคดี ตำรวจเดินหน้าจับกุมผู้กระทำความผิดไม่มีเงื่อนไข


เมื่อถามว่าจะต้องเรียกนายกรัฐมนตรีไทยมาสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนและดุลยพินิจ เพราะบริบทคลิปเสียงเป็นการสนทนาระหว่างกัน ถามต่อว่าจะต้องรายงานที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ในฐานะผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร. กล่าวว่า นายกฯ จำเป็นต้องทราบในส่วนที่ต้องรายงาน