J-Raja เตือนหนี้พนักงานกระทบองค์กร ชี้ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน

J-Raja Social Business ธุรกิจเพื่อสังคมที่ผ่านการบ่มเพาะจากโครงการ SET Social Impact GYM 2023 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลหนี้ที่น่าตกใจจาก 49 เคส ของพนักงานองค์กรที่เข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องหนี้ พบว่ามีภาระหนี้รวมกันทั้งสิ้น 155,939,497 บาท หรือเฉลี่ยคนละประมาณ 3.18 ล้านบาท
เมื่อเร็วๆ นี้ นายอนุตม์ กรกำแหง ผู้บริหาร J-Raja Social Business ธุรกิจเพื่อสังคม เปิดเผยถึงปัญหาหนี้ของพนักงานในองค์กรที่กำลังส่งผลกระทบต่อการทำงานขององค์กร ซึ่งทีมงาน J-Raja ได้เข้าไปให้คำแนะนำปรึกษาแก้ปัญหา และพบว่าปัญหาหนี้ที่ซ่อนอยู่ในพนักงานนั้นมีจำนวนมากกว่าที่ได้คิด และกำลังกลายเป็นปัญหาใหม่ที่หลายองค์กรยังไม่ได้ตระหนัก เนื่องจากปัญหาหนี้ส่วนบุคคลของพนักงานนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัว แต่กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนองค์กรโดยรวม
ตัวเลขเปิดความจริงที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ในการดำเนินงานแก้ปัญหาหนี้ที่ผ่านมา J-Raja ได้พบข้อมูลที่น่าตกใจจาก 49 เคส ที่เข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องหนี้ โดยพบว่ามีภาระหนี้รวมกันทั้งสิ้น 155,939,497 บาท หรือเฉลี่ยคนละประมาณ 3.18 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงมาก และสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาหนี้ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะจัดการได้โดยง่าย จึงทำให้หลายคนต้องติดอยู่ในหลุมหนี้ที่ลึกมาก จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน โดยจากยอดหนี้ดังกล่าว J-Raja สามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ได้แล้วจำนวน 40,047,663 บาท ภายในระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งภายหลังการแก้ปัญหาหนี้ พบว่าพนักงานเหล่านี้สามารถมีความสุขมากขึ้นในการดำเนินชีวิต เข้าใจปัญหา พร้อมมีแนวทางแก้ไขปัญหา และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกเรียกเก็บหนี้หรือการถูกบังคับคดี
จากการให้บริการอบรมความรู้เรื่องหนี้แก่พนักงานในองค์กรต่างๆ กว่า 10 องค์กร รวม 539 ราย พบว่ารูปแบบปัญหาที่พบบ่อยที่สุด เกิดขึ้นซ้ำๆ และเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้ปัญหาหนี้บานปลาย เป็นอันดับหนึ่งก็คือ “วงจรหนี้ที่ไม่มีทางสิ้นสุด” โดยพบว่าพนักงานจำนวนมากเมื่อมีปัญหาหนี้ จะเลือกวิธีไปกู้เงินใหม่จากแหล่งอื่นมาชำระหนี้เดิม และคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ความจริงกลับทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะหนี้เดิมยังอยู่ แถมยังมีหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก
รูปแบบปัญหาต่อมา คือ “การเสียอนาคตเพื่อแก้ปัญหาปัจจุบัน” เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่าเป็นห่วง หลายคนเลือกถอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นเงินที่เตรียมไว้สำหรับวัยเกษียณ มาแก้ปัญหาหนี้ในปัจจุบัน เป็นการแลกความมั่นคงในอนาคตกับปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ควรเป็นทางเลือกแรก และรูปแบบที่สาม คือ “ความไม่เข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย” ที่ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้การแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ หลายคนไม่รู้ว่าควรจัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้อย่างไร หนี้ใดควรแก้ก่อน หนี้ใดสามารถผ่อนผันได้ ทำให้เสียโอกาสในการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
ผลกระทบที่องค์กรมองข้าม : มากกว่าที่คิด
ปัญหาหนี้ของพนักงานไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่กระทบต่อองค์กรในหลายมิติที่หลายคนอาจไม่เคยคิด ซึ่งผลกระทบจะมีตั้งแต่ด้านประสิทธิภาพการทำงาน โดยพนักงานที่มีปัญหาหนี้จะมีความเครียดสูง ไม่สามารถโฟกัสกับงานได้เต็มที่ บางคนต้องหยุดงานไปจัดการเรื่องหนี้ บางคนได้รับโทรศัพท์เรียกเก็บหนี้ระหว่างทำงาน ซึ่งส่งผลต่อบรรยากาศการทำงานและผลผลิต
ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เมื่อพนักงานถูกอายัดเงินเดือนหรือถูกบังคับคดี ฝ่าย HR ต้องเข้ามาจัดการเรื่องเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ซึ่งเป็นภาระงานเพิ่มเติมที่ไม่ได้วางแผนไว้ และด้านต้นทุนการดำเนินงาน เมื่อพนักงานลาออกเพราะปัญหาหนี้ หรือไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับคนใหม่ การฝึกอบรม และช่วงเวลาที่ต้องปรับตัว เช่น กรณีที่พนักงานที่มีความสามารถสูงต้องลาออกไปเพราะแรงกดดันจากปัญหาหนี้ ถือเป็นการสูญเสียที่องค์กรควรจะป้องกันได้
นวัตกรรมใหม่ : บริการตรวจสุขภาพหนี้องค์กร
จากการทำงานแก้ไขปัญหาหนี้ และการได้เห็นปัญหารูปแบบต่างๆ J-Raja จึงพัฒนาบริการใหม่ที่ชื่อว่า “การตรวจสุขภาพหนี้พนักงานในองค์กร” ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถเข้าใจสุขภาพการเงินของพนักงานในภาพรวมได้อย่างชัดเจน โดยบริการนี้จะคล้ายกับการตรวจสุขภาพประจำปี แต่เป็นการตรวจสุขภาพทางการเงิน เพื่อสำรวจและวิเคราะห์สุขภาพการเงินของพนักงานอย่างเป็นระบบ และเก็บข้อมูลแบบไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อให้ทุกคนสามารถให้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง
“กระบวนการทำงานเริ่มจากการจัดกลุ่มพนักงานตามระดับความเสี่ยงทางการเงิน จากนั้นจะวิเคราะห์รูปแบบปัญหาและเสนอแนะแนวทางการสร้างสวัสดิการหรือเครื่องมือที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริงของแต่ละกลุ่ม ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการแบบเดียวกันให้พนักงานทุกคน แต่ในความจริงแล้วความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนต้องการการให้กู้ยืมฉุกเฉิน บางคนต้องการการให้คำปรึกษา บางคนต้องการการอบรมเรื่องการเงิน ซึ่ง J-Raja จะเข้าไปมีบทบาทในการช่วยให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด”
การอบรมที่ไม่ใช่แค่ฟัง แต่ทำให้เปลี่ยน
หนึ่งในจุดแข็งของ J-Raja คือการอบรมให้ความรู้ด้านการเงินและหนี้ ที่แตกต่างจากรูปแบบเดิมๆ โดยเน้นไปที่การปรับทัศนคติ และสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างแท้จริง ผ่านรูปแบบการทำ Workshop เชิงปฏิบัติการที่ให้ผู้เข้าอบรมได้ลงมือทำและคิดจริง มีการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเน้นการสร้างความสุขและความผ่อนคลายให้กับผู้เข้าอบรม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มักจะเกินความคาดหมาย
“เราพบว่าผู้เข้าอบรมหลายคนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายได้จริง เริ่มมีการวางแผนการเงิน มีเงินเหลือเพื่อออม หรือชำระหนี้ บางคนได้แรงใจจากการเปิดใจปัญหาหนี้กับครอบครัว ทำให้กล้าที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง มีหลายองค์กรที่เข้าร่วมโปรแกรมของ J-Raja และได้ผลตอบรับที่ดี ซึ่งหลายแห่งก็มีการจัดอบรมซ้ำ หรือขยายไปยังพนักงานกลุ่มอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าองค์กรเหล่านี้เห็นคุณค่าและประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการแก้ไขปัญหาหนี้ของพนักงานจริงๆ”
ความท้าทายใหม่ : หนี้นอกระบบ ปัญหาที่กำลังใหญ่ขึ้น
ปัญหาใหม่ที่ J-Raja เริ่มพบเจอมากขึ้นคือ “หนี้นอกระบบ” ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูง และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของลูกหนี้อย่างรุนแรง
“หนี้นอกระบบนี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่าหนี้ในระบบมาก เพราะนอกจากจะมีดอกเบี้ยสูงแล้ว ยังมีวิธีการเรียกเก็บที่กดดัน และส่งผลต่อจิตใจของลูกหนี้อย่างมาก การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจึงไม่ได้อยู่ที่แค่การช่วยปิดหนี้ แต่ต้องดูที่รากเหง้าของปัญหา คือเราต้องทำให้ลูกหนี้เข้าใจว่าทำไมถึงต้องไปกู้หนี้นอกระบบ และช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาติดหนี้ซ้ำ ซึ่งการลดความต้องการในชีวิตบางอย่างที่ไม่จำเป็นลง ถือเป็นสิ่งสำคัญ”
เตรียมแสดงผลงานในเวทีใหญ่ : mai Forum 2025
เพื่อขยายผลและสร้างเครือข่ายในการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน J-Raja จึงเตรียมจะนำเสนอผลงานและนวัตกรรมใหม่ในงาน mai Forum 2025 งานซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้พบปะและพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยตรง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน 2568 เวลา 9.30-17.00 น. ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
“เราต้องการให้ผู้บริหารและนักทรัพยากรมนุษย์ได้เห็นมุมมองใหม่เรื่องการดูแลพนักงาน การลงทุนในสุขภาพการเงินของพนักงานไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนในรูปของประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นและการลดต้นทุนการบริหารที่ไม่จำเป็น”
ในงานนี้ J-Raja จะแสดงเครื่องมือและระบบต่างๆ ที่ช่วยให้ฝ่าย HR สามารถดูแลพนักงานได้ในเชิงรุก รวมถึงการแบ่งปันเคสศึกษา และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากองค์กรต่างๆ ที่ได้ร่วมงานกัน
“เราหวังว่าจะสามารถสร้างเครือข่ายองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพการเงินของพนักงาน และร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างมากขึ้น” นายอนุตม์ กล่าวปิดท้าย

ข้อมูล :
J-Raja Social Business: ธุรกิจเพื่อสังคมที่ผ่านการบ่มเพาะจากโครงการ SET Social Impact GYM 2023 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริการเป็นตัวแทนลูกหนี้ในการเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน รวมถึงบริการอบรมและตรวจสุขภาพหนี้
ติดตาม: www.j-raja.com