ตำรวจไซเบอร์ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์ และรวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร., พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย. 68 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุม 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์ และรวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
1. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย
จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2 ราย
- ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์
2. จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์
จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย
- รวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”

จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.2 บก.สอท.3 ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ร่วมกับ กก.ปพ.บก.สส.ภ.4 ได้สืบสวนพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความในกลุ่มสาธารณะซื้อขายอาวุธปืน ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้แฝงตัวเข้าในกลุ่มและติดต่อขอซื้ออาวุธปืนจากบัญชีดังกล่าว ผ่านแอปพลิเคชัน Messenger และตกลงซื้อขายอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก ราคา 21,000 บาท
พ.ต.ท.พิษณุ กินกิ่ง สว.กก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปยังสถานที่นัดหมาย จนกระทั่ง นายเจี๊ยบ และนายสิงห์ (ทราบชื่อภายหลัง) ขับรถเก๋งสีแดงมาจอดในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น และโทรแจ้งให้ไปพบที่รถ เจ้าหน้าที่สายลับจึงเข้าตรวจสอบอาวุธปืน ขณะตรวจสอบ นายเจี๊ยบได้ขับรถออกไป โดยมีสายลับนั่งมาด้วย เมื่อพบว่าเป็นอาวุธปืนจริง จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าดำเนินการ
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว นายเจี๊ยบไหวตัวทัน พยายามขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงใช้รถยนต์ 3 คันปิดกั้นทางไว้ จนเกิดการเฉี่ยวชน ก่อนสามารถควบคุมตัวได้ในที่สุด
จากการตรวจค้น พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด 9 มม. (ดัดแปลงจากปืนบีบีกัน) จำนวน 2 กระบอก, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด, ขนาด .380 ACP จำนวน 1 นัด และซองแม็กกาซีน 4 อัน
ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ได้ซื้ออาวุธปืนมาดัดแปลงจากแหล่งต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และนำมาจำหน่ายในราคากระบอกละ 20,000 บาท
ตำรวจแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน และอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป

จับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.2 บก.สอท.2 รวบสาวใหญ่ขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก หลังผู้หวังดีแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ”
หลังมีประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านแอป “ทางรัฐ” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “บุหรี่ไฟฟ้า มาบตาพุด ห้วยโป่งระยอง (อุปกรณ์ครบคัน)” โฆษณาจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบสาธารณะ เจ้าหน้าที่จึงทดลองสั่งซื้อและได้รับสินค้าตามคำสั่งจริง
จากการสืบสวน พบว่านางสาวธีราภรณ์ ใช้บ้านหลังหนึ่งใน ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง เป็นสถานที่เก็บสินค้าผิดกฎหมาย พ.ต.ท.ศุภณัฎฐ์ เกตุแก้ว สว.กก.2 บก.สอท.2 นำหมายค้นศาลจังหวัดระยอง เข้าตรวจค้นและพบนางสาวธีราภรณ์ อายุ 40 ปี ยินยอมนำตรวจค้น
พบของกลางจำนวนมาก ได้แก่
- เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง 164 ชิ้น
- เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว 3 เครื่อง
- หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 30 ชิ้น
- น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 72 ขวด
- อุปกรณ์แพ็กกล่องพัสดุ และแท็บเล็ตที่ใช้โพสต์ขาย
ผู้ต้องหายอมรับว่าเคยเปิดร้าน แต่เปลี่ยนมาขายออนไลน์ตั้งแต่ ก.พ. 68 โดยแพ็กและส่งสินค้าเอง รายได้เฉลี่ยเดือนละ 50,000 บาท
ตำรวจแจ้งข้อหา “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567” และ “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมสืบสวนแหล่งที่มาต่อไป

