เจ็ตสตาร์ เอเชีย ประกาศปิดกิจการ หยุดบินทุกเส้นทาง 31 ก.ค. นี้

680

เจ็ตสตาร์ เอเชีย ประกาศปิดกิจการ หยุดบินทุกเส้นทาง 31 ก.ค. นี้ หลังขาดทุนยับ สู้ต้นทุนไม่ไหว พนักงานกว่า 500 ชีวิตตกงาน ยันไม่กระทบเจ็ตสตาร์ แอร์เวย์ส และเจ็ตสตาร์ เจแปน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 มีรายงานว่า อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบจากกรณีสายการบินราคาประหยัด “เจ็ตสตาร์ เอเชีย” (Jetstar Asia) ซึ่งมีฐานการบินอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยุติการดำเนินงานและหยุดให้บริการทุกเส้นทางบินตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ปิดฉากการให้บริการที่ยาวนานกว่า 20 ปี ส่งผลให้พนักงานกว่า 500 คนถูกเลิกจ้าง โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนซัพพลายเออร์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง ค่าธรรมเนียมสนามบินที่แพง และการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสายการบินราคาประหยัด

สาเหตุที่เจ็ตสตาร์ เอเชียต้องปิดตัวลง เนื่องจากสายการบินต้องต่อสู้กับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยมาอย่างต่อเนื่อง โดย วาเนสซา ฮัดสัน (Vanessa Hudson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มสายการบินควอนตัส (Qantas) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเจ็ตสตาร์ เอเชีย ได้ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราได้เห็นต้นทุนของซัพพลายเออร์บางรายของเจ็ตสตาร์ เอเชียเพิ่มสูงขึ้นถึง 200% ซึ่งเปลี่ยนแปลงฐานต้นทุนของสายการบินอย่างมีนัยสำคัญ” ทางสายการบินคาดการณ์ว่าอาจมียอดขาดทุนถึง 35 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 850 ล้านบาท) ในปีงบประมาณนี้ โดยเจ็ตสตาร์ เอเชียให้บริการเส้นทางบินต่าง ๆ ทั่วเอเชีย รวมถึงจุดหมายปลายทางในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น

แม้จะประกาศปิดตัว แต่ Jetstar Asia จะยังคงให้บริการต่อไปอีก 7 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะทยอยลดจำนวนเที่ยวบินลงเรื่อย ๆ จนถึงวันสุดท้าย คือ 31 กรกฎาคม 2568 พร้อมมีมาตรการรองรับสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินของเจ็ตสตาร์ เอเชีย และถูกยกเลิก จะได้รับข้อเสนอคืนเงินเต็มจำนวน และผู้โดยสารบางส่วนอาจได้รับพิจารณาโอนย้ายไปยังเส้นทางบินอื่นที่ให้บริการโดยสายการบินในกลุ่มควอนตัส

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กของ Jetstar Asia โพสต์ข้อความชี้แจง โดยแปลเป็นไทยได้ว่า “ด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เราขอประกาศปิดกิจการสายการบินเจ็ตสตาร์ เอเชีย (3K) อย่างถาวร ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการทบทวนกิจการของเจ็ตสตาร์ เอเชีย (3K) ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากต้นทุนที่สูงขึ้นในภูมิภาคที่สายการบินให้บริการ”

เที่ยวบินของเจ็ตสตาร์ เอเชีย (3K) จะยังคงให้บริการต่อไปในตารางบินที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 และทางสายการบินจะติดต่อผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบทุกท่านโดยตรง เพื่อเสนอการคืนเงินเต็มจำนวนหรือโยกย้ายเที่ยวบิน หากสามารถดำเนินการได้ นี่เป็นข่าวที่น่าเศร้าอย่างยิ่งสำหรับทีมงานและลูกค้าของเจ็ตสตาร์ เอเชีย และกลุ่มเจ็ตสตาร์มีความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนในช่วงเวลานี้ ด้วยทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ การปิดตัวของ Jetstar Asia จะไม่ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินใด ๆ ของสายการบินเจ็ตสตาร์ แอร์เวย์ส (JQ) รวมถึงเที่ยวบินระหว่างประเทศระหว่างออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเที่ยวบินใด ๆ ของเจ็ตสตาร์ เจแปน (GK)

ในทางกลับกัน การยุติการบินครั้งนี้จะทำให้กลุ่มควอนตัสมีเงินทุนคืนกลับมาถึง 500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 12,100 ล้านบาท) เพื่อนำไปลงทุนในการปรับปรุงธุรกิจการบินของตนเอง นอกจากนี้ เครื่องบินจำนวน 13 ลำของเจ็ตสตาร์ เอเชีย จะถูกนำไปใช้ในเส้นทางบินต่าง ๆ ทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

สายการบินควอนตัส ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย ยังคงให้บริการเที่ยวบินราคาประหยัดสู่เอเชียต่อไป ผ่านทางเจ็ตสตาร์ แอร์เวย์ส โดยมีเส้นทางบินจากออสเตรเลียมายังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ควอนตัสเปิดตัวเจ็ตสตาร์ เอเชียในปี 2547 เพื่อเข้ามาแข่งขันในตลาดการเดินทางทางอากาศราคาประหยัดที่กำลังเติบโตในเอเชีย แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสายการบินราคาประหยัดอื่น ๆ เช่น แอร์เอเชีย (AirAsia) และสกู๊ต (Scoot) จนสุดท้ายต้องตัดสินใจปิดตัวลง.