“อสส.จัดหนัก” คดีเมาแล้วขับ มีคำสั่งให้ “พงส” เพิ่มคำฟ้องคคีกับผู้ขับขี่ที่มีเจตนาไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ

752

“อสส.จัดหนัก” คดีเมาแล้วขับ มีคำสั่งให้ “พงส”เพิ่มคำฟ้องคคีกับผู้ขับขี่ที่มีเจตนาไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ ตามมาตราที่มีบทลงโทษหนัก ทั้งให้ริบรถของกลางด้วย

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดีเรกฤทธิ์ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือคำสั่งลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 เรื่องแนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีกับผู้ขับรถขณะเมาสุราแล้วทำให้เกิดอันตรายต่อชีอชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ถึง รองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการอัยการ อธิบดีอัยการ อธิบดีอัยการภาค อัยการพิเศษฝ่าย เลขานุการอัยการสูงสุด เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ อัยการจังหวัด ผู้อำนวยการสถาบัน เลขาธิการอัยการสูงสุด และผู้อำนวยการสำนักงาน

อ้างถึง หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝปผ.)0018/ว 380 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 เรื่อง ความผิดฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตา 43 (8 ), 160 วรรคสาม

เนื่องจากสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยจากการใช้ยวดยานทางถนนของประเทศไทยมีความรุนแรงซึ่งเกิดความเสียหายและต้องสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเหตุส่วนหนึ่งมาจากผู้ขับรถในขณะเมาสุราแล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น

ฉะนั้น เพื่อให้การดำเนินคดีก็เมาสุราในขณะรถที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยทางถนนที่มีความรุนแรงและเกิดความเสียหายอย่างมากต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุดจึงกำหนดแนวทางปฏิบัติกรณีพนักงานอัยการได้รับสำนวนคดีที่มีการดำเนินคดีกับผู้ขับรถขณะเมาสุราแล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้อื่นไว้พิจารณา โดยให้พนักงานอัยการพิจารณาว่าพฤติการณ์ในการขับรถขณะเมาสุราของผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีมีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) ด้วยหรือไม่ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นอันเป็นความผิดดังกล่าวด้วย และยังมิได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ผู้ต้องหา

ให้พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา และในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝปผ.) 0018/ว 380 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 ตามที่อ้างถึงด้วย จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ “คำสั่งดังกล่าวระบุ”