กรุงเทพฯ วันที่ 7 มิ.ย. – นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะรองประธาน คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน คนที่ 3 เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเรื่อง “การพัฒนาร่างแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและการขายบริการทางเพศ” โดยมี นายณัฐวุฒิ บัวประทุม น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักวิชาการ ผู้แทนจากภาคประชาสังคม องค์กรระหว่างประเทศ และบุคลากรสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วม
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ในงานดังกล่าว ตนได้ร่วมเสวนา กับ น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศ.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ส.ชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ ผู้แทนมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ และนางสุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) ดำเนินรายการโดย น.ส.นัยนา สุภาพึ่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและการขายบริการทางเพศ ทบทวนเนื้อหา และการบังคับใช้กฎหมาย “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539”
การสัมมนาครั้งนี้จัดโดยคณะ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ร่วมกับ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) และ มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ ( SWING ) เพื่อทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีภายใต้บริบทสังคมไทยในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งพัฒนาร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและการขายบริการทางเพศ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 เพื่อจัดทำข้อเสนอแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและการขายบริการทางเพศต่อไป

ศ.ชลิดาภรณ์ ชี้ให้เห็นสาระสำคัญของการเสนอยกเลิกกฎหมายการค้าประเวณี ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2503 เพราะปัจจุบันบริบทของสังคมเปลี่ยนไป กฎหมายที่ไม่ให้มีการค้าประเวณี ไม่สามารถกำจัดไม่ให้มีการค้าประเวณีได้ ต้องยอมรับว่า พนักงานบริการเป็นอาชีพหนึ่ง จะทำอย่างไร ให้ผู้ค้า ได้เข้าถึงสวัสดิการ ไม่ถูกละเมิดจากผู้ซื้อ ซึ่งหากไม่มีกฎหมายค้าประเวณี ยังมีกฎหมายอื่นมารองรับ เช่น กฎหมายแรงงาน และกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งคนที่ทำงานด้านนี้ได้เรียกร้องมานานแล้ว
“พวกเขาขายบริการไม่ได้ขายตัว สังคมไทยต้องเข้าใจว่า เป็นสิทธิบนร่างกายของมนุษย์ ที่เราต้องเปลี่ยนความคิดว่า คนที่ทำอาชีพนี้ไม่ใช่กะหรี่ อย่างที่เรียกกัน แต่เป็นอาชีพบริการ และคำว่ากะหรี่ ไม่ควรถูกด้อยค่าหรือถูกลดชนชั้นผ่านภาษา เราต้องมองว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่ไม่ควรถูกปิดกั้นทางสังคมหรือยึดติดกับค่านิยมเดิมจนไม่สามารถก้าวข้ามจากความจริงได้” ชลิดาภรณ์ กล่าวย้ำ

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางในการยกเลิกกฎหมายค้าประเวณี เพื่อทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ ให้ได้รับสวัสดิการในการทำงานตามกฎหมาย และต้องทำให้ทุกอย่างมาอยู่บนดิน เพื่อจะได้คุ้มครองทุกคน ทุกอาชีพได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงกัน และเราควรนำกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา ทั้งที่เกี่ยวกับการคุ้มครองเด็ก การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ฯลฯ และพิจารณาปรับแก้และปรับปรุงให้รอบด้านพร้อมๆ กันไปในเวลาเดียวกัน
“ตราบใดก็ตามการมีตัวตนของปีศาจในบริบทสังคมไทย การทำผิดศีลธรรม จะไม่สามารถก้าวข้ามทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ได้ เราทำให้ทุกอย่างขึ้นมาบนดิน จะได้คุ้มครองทุกคนได้ทั่วถึงเท่ากัน” นายกัณวีร์ กล่าว และย้ำว่า สังคมไทยต้องเปิดกว้าง เพราะมนุษย์ไม่ใช่สิ่งของ และมนุษย์ต้องคู่ควรกับสิทธิที่ตนพึงจะได้รับ

