“มาริษ” เผย ตามสถานการณ์ชายแดนกัมพูชาใกล้ชิด ยันไทยมุ่งสันติ เร่งรัดเจรจา JBC ลั่นไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมเองหากเพื่อนบ้านไม่พร้อม!!

401

ที่ประเทศฝรั่งเศส, วันที่ 3 มิ.ย. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (รมว.กต.) ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนกรุงปารีส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี กล่าวถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง หรือใช้กำลัง

นายมาริษ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ปลัดกต. ไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของตณะกรรมการร่วมชายแดน (JBC) ที่มีความสำคัญในการเจรจาหาทางออก ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ ไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชาที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี โดยประเทศไทยเร่งรัดกัมพูชาให้จัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด เนื่องจากกัมพูชาจะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ได้ย้ำไปว่าหากกัมพูชายังพร้อม ประเทศไทยก็พร้อมจัดแทน เนื่องจากเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะช่วยลดความตึงเครียด และ เปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร

ทั้งนี้ รมว.กต. ยืนยันว่าไทยได้ทำหนังสือประท้วงฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว ว่าการกระทำของเรานั้นเป็นไปตามหลักสากล  เพื่อที่จะแสดงการยืนยันสิทธิในเรื่องอำนาจอธิปไตย และบูรภาพแห่งดินแดน โดยได้ดำเนินการด้วยความเหมาะสม ตามกลไกของกฏหมายระหว่างประเทศ และหลักปฏิบัติสากลทุกประการ ซึ่งเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย วันที่ 5 มิ.ย. จะเรียกผู้บริหารทั้งหมด ประชุมกำหนดท่าทีของเราให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ขอย้ำว่าตนประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเรียกประชุมทางออนไลน์กับกระทรวงการต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา

ต่อข้อถามว่าการที่ผู้นำกัมพูชาขอให้รัฐสภาโหวตลงมติให้ส่งข้อพิพาทไปยังศาลโลก กังวลว่าจะกระทบกับ JBC หรือไม่ นายมาริษ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย เป็นสิทธิที่ประเทศกัมพูชาจะดำเนินการอย่างไรก็ได้ เช่นเดียวกับประเทศไทยที่จะตัดสินใจอย่างไรก็ได้ โดยตนได้สั่งการให้ปลัดกต. มองภาพรวมให้เห็นอย่างชัดเจน กำหนดท่าที เพื่อที่จะวางนโยบายยุทธศาสตร์ ที่เราจะไปเจรจากับประเทศกัมพูชา ขณะเดียวกันก็กำหนดมาตรฐานของเราว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งในกรอบของทวิภาคี รวมทั้งใช้กลไกที่มีอยู่ระหว่างประเทศด้วย