ตร.ดส.บุกช่วยเหยื่อ ได้ที่โรงแรมดัง ชานเมือง ซุ่มรอสัญญาณจากสายลับ ก่อนบุกจับ ”สารวัตร อ้าย“ พร้อมทีมสืบ ดส. บุกรวบแม่เล้า วัย 14 พา 3 เด็กเอนฯค้ากาม แชทไลน์ล่อซื้อ ค่าตัว 3,500 บาท

วันที่ 30 พ.ค. 68 (เวลาประมาณ 00.10 น.) ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่าพล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ พ.ต.ท.มโรดม์ ขวัญเมือง รอง ผกก.ดส.บช.น.
สั่งการให้ พ.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ดส.บช.น., ร.ต.อ.กิตติกานต์ สินประกอบ รอง สว.กก.ดส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.4 กก.ดส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัว ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พร้อมช่วยเหลือเหยื่อ 3 ราย คือ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี น.ส.ซี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี น.ส.ดี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ามีเด็กหญิง ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ได้เป็นผู้เป็นธุระจัดหา โดยลักลอบจัดหาเด็กมาให้บริการค้าประเวณี ซึ่งเป็นความผิดเป็นธุระจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ตาม พรบ.ค้ามนุษย์ฯ
โดยได้ข้อมูลมาว่าผู้ต้องหานั้นเป็นผู้นำส่งเด็กมาให้บริการทางเพศ จึงนำข้อมูลการติดต่อมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ โดยสามารถทำการติดต่อล่อซื้อบริการได้ผ่านช่องทางแอพพลิเคชันไลน์ได้ จึงวางแผนการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการฃล่อซื้อบริการโดยให้ล่อซื้อเป็นการบริการนั่งเอ็นเตอร์เทรนหรือนั่งดื่มแทนเพื่อสืบสวนหาข่าว จนสามารถทราบได้ว่าเหยื่อที่ผู้ต้องหาสามารถจัดส่งมาให้บริการได้นั้น มีคนที่เป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จริง โดยสามารถจัดส่งมาทั้งให้บริการนั่งดื่มเอ็นเตอร์เทรน หรือค้าประเวณีก็ได้โดยการให้เด็กมานั่งดื่มเอ็นเตอร์เทรนนั้น สามารถทำการ กอด จูบ ลูบ คลำ อวัยวะต่างๆ ของเด็กได้ จึงเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่นตาม พรบ.ค้ามนุษย์ฯ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้วางแผนทำการล่อซื้อบริการทางเพศเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ผ่านช่องทางไลน์ ชื่อบัญชี “อา ซ้อ.” หรือ เด็กหญิงคนดังกล่าว และได้ตกลงซื้อบริการค้าประเวณี เด็กต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 3 ราย โดยแบ่งเป็นให้บริการร่วมประเวณี 2 ราย และ นั่งดื่มเอ็นเตอร์เทรน 2 ราย คิดค่าบริการร่วมประเวณี 2 คน คือ ผู้ต้องหา และเพื่อน 1 คน คนละ3500 บาท ค่าบริการเอ็นเตอร์เทรน อีก 2 คน คนละ 1500 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท โดยให้ชำระค่าบริการทุกอย่างผ่านผู้ต้องหาทั้งหมด โดยค่าตัวเด็กนั้นผู้ต้องหาจะเป็นผู้จัดการแบ่งให้เด็กเอง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเพื่อบันทึกเลขธนบัตรสำหรับใช้ในการล่อซื้อ โดยในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสังเกตเห็นว่า ผู้ต้องหา มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุโดยได้พาเพื่อนอีก 3 คน มาหาผู้ล่อซื้อ ต่อมาได้เปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และได้จ่ายเงินค่าบริการและค่าเป็นธุระจัดหาทั้งหมดให้กับผู้ต้องหา
จากนั้นได้ นั่งดื่มและพูดคุยกันสักพักต่อมา ผู้ต้องหาได้แจ้งว่าพร้อมให้บริการทางเพศแล้ว จึงบอกให้เพื่อนแยกออกไปให้บริการทางเพศอีกห้อง และทำการอาบน้ำเพื่อให้บริการทางเพศ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ซุ่มรอสัญญาณอยู่ภายนอกห้องบริเวณใกล้เคียงของโรงแรมดังกล่าว
ต่อมาเวลาประมาณ 00.10 น. เมื่อเข้าทำการล่อซื้อบริการค้าประเวณีแล้ว ได้ให้เหยื่อทำการเปลี่ยนชุดเตรียมตัวให้บริการทางเพศเรียบร้อย จึงได้ส่งสัญญานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่าพร้อมให้เข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำกำลังเข้าช่วยเหลือเหยื่อทั้ง 3 ราย ซึ่งอยู่ในลักษณะนุ่งผ้าเช็ดตัว และได้ทำการฉีกถุงยางพร้อมให้บริการทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการขอตรวจค้น

ผลการตรวจค้นพบธนบัตร 1000 บาท จำนวน 7 ใบ รวมเป็นเงิน 7000 บาท ซึ่งธนบัตรที่ตรวจพบเป็นธนบัตรที่มีเลขกำกับตรงกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเอาไว้เพื่อทำการล่อซื้อบริการค้าประเวณีอยู่ภายในกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายด้านหน้า ของผู้ต้องหาสวมใส่อยู่ โดยผู้ต้องหานั้นยอมรับว่าเป็นคนที่เป็นธุระจัดหาเด็กมาให้บริการค้าประเวณี ซึ่งเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ โดยการได้เงินส่วนแบ่งเป็นค่าธุระจัดหาจริง และ พบธนบัตร 1000 บาท จำนวน 3 ใบ อยู่ด้านหลังเคสโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา วางอยู่บนหลังตู้เย็นภายในห้อง โดยผู้ต้องหาได้จ่ายเพื่อเป็นค่าจ้างในการให้บริการเอ็นเตอร์เทรน

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นผู้ติดต่อและได้รับผลประโยชน์จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง และ เหยื่อค้ามนุษย์ ไปยัง สน.ร่มเกล้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

