“ทักษิณ” โชว์วิสัยทัศน์ปราบยาฯ กร้าว “เราไม่ควรปราณีกับศัตรู” ประกาศสงครามยาเสพติด กับ “ว้าแดง” เผย 1-2 เดือน ส่ง รมต.ตปท. เคลียร์เพื่อนบ้าน ผนึกกำลังต้านว้าแดงต้องเลิกผลิตยานรก ลั่นถ้าคุณยังผลิต คุณคือศัตรูของประเทศไทย แนะตั้งศูนย์บำบัดยาเสพติดทุกอำเภอ ดึงงบดิจิทัลวอลเล็ตมาใช้ เชื่อ ปชช.ไม่โกรธ ย้ำให้ “มท.-ตร.-สธ.-ศธ.-กห.” จับมือปราบยาเสพติด อย่าทำงานแบบไฟไหม้ฟาง ขออาสานายกฯ ไปเดินเล่นต่างจังหวัด เสาะหาบ้านพ่อค้ายา แล้วจะกลับมาฟ้อง มท.1 ให้ไปสืบทรัพย์
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและ ที่ปรึกษาประธานอาเซียน ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติดอาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568
ในการประชุมวันนี้มีบรรดารัฐมนตรี นายตำรวจระดับสูง นัการเมือง และข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟัง วิสัยทัศน์ของนายทักษิณ อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ขณะที่บรรยากาศก่อนเริ่มงาน เป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากงานนี้เป็นที่ได้รับความสนใจของสื่อมวลชน หลายสำนัก ทั้งสายการเมืองและสายอาชญากรรม รวมไปถึงมีการลงทะเบียนและตรวจกระเป๋าเพื่อคัดกรองอาวุธ อย่างเข้มงวด
นายทักษิณ เริ่มปาฐกถา ในหัวข้อ “ยาเสพติดอาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทาย ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ว่า ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามปัจจุบัน และอนาคต คือทำลายลูกหลานเรา เยาวชนเรากำลังถูกทำลาย ไม่มีอะไรเกินมือ และสมองเรา วันนี้ต่างคนต่างทำงานไปเรื่อย ๆ ไม่สำเร็จขาดการบูรณาการ ที่มีทิศทางที่ชัดเจน ตนดีใจที่ได้รับเชิญ ความจริงอึดอัดอยากพูดเรื่องนี้มานาน ชาวบ้านบอกเศรษฐกิจวันนี้รอได้แต่ยาเสพติดรอไม่ไหวแล้ว เดือดร้อนไปหมดแล้ว นอนผวากันหมด เมื่อตอนตนป่วย ดูทีวีเห็นเด็กที่ไล่ฆ่าปู่ย่าตายายพ่อแม่ ตอนนั้นเกิดเรื่องที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ตนได้สั่งให้ลุยเรื่องนี้ ตนจึงอยากใช้ประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง ซึ่งคงไม่พูดเรื่องความหลัง แต่เป็นสิ่งที่จะต้องมาปรับกับปัจจุบัน
สมัยก่อนพ่อค้ารายใหญ่อยู่ในประเทศไทย การผลิตอยู่ต่างประเทศครึ่งหนึ่ง ไทยครึ่งหนึ่ง แต่วันนี้การผลิตแทบจะ 100% อยู่ที่ว้าแดง รู้จุดแล้วแปลว่าเฉยไม่ได้ พ่อค้ารายใหญ่หลบหนีไปอยู่ข้างบ้านหมด แต่ก็ยังมีเครือข่ายในประเทศไทย เจ้าหน้าที่แกล้งไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากรู้เรื่อง วันนี้การแก้ปัญหาต้องประยุกต์จากของเก่ากลับมาเป็นเรื่องใหม่ ทุกหน่วยงานต้องมีใจ เพราะอันตรายเหล่านี้กำลังมาถึงลูกหลานเรา
ตัวยาที่ผลิตใช้ทำยาเสพติดคือคาเฟอีน แม้จะมีหลายอย่าง ตลาดยาเสพติดใหญ่ที่สุด ในเพื่อนบ้าน คือประเทศไทย เพราะมีตังค์ที่สุด ตอนนี้มีหน่วยงานที่จัดการยาเสพติด 29 หน่วย ไม่รู้ว่ามากไป เพราะความหอมหวานของงบประมาณหรือไม่ ยาเสพติดเข้าประเทศไทยตรงๆ มาทางเรือ ด้วยคอนเทนเนอร์ ศุลกากรวันนี้มีตู้เข้ามา 6 ล้านตู้ เครื่องเอ็กซเรย์มีไม่พอ เอ็กซเรย์ไม่หมด เปิดตู้บ้าง ไม่เปิดตู้บ้าง ตั้งใจไม่เปิดตู้ก็มี ไม่รู้ คาเฟอีนลงเรือที่เขมร มาที่แหลมฉบัง วันนี้ที่เราแย่สู้ประเทศอื่นไม่ได้ ถอยลง เพราะระบบราชการเราถูกวางไว้ต่างคนต่างทำ ขาดเจ้าภาพและวัดเคพีไอ วันนี้ต้องกลับมาเข้ามาสู่ยุคการบริหารแบบการบริหารองค์กร ที่ผ่านมาเราไม่ได้บริหาร แต่เราทำธุรกรรม คือทำให้เสร็จไปวันๆ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีเป้าหมาย
แหล่งผลิต อยู่ในว้าแดง เขตติดต่อสามเหลี่ยมทองคำ รัฐฉาน วันนี้ตนมีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านค่อนข้างดี เพราะเป็นคนแก่ที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงพยายามไล่ตามความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์ แต่บังเอิญไปไหนไม่ค่อยได้ ดังนั้นถึงเวลาที่เราจะต้องขอความร่วมมืออย่างจริงจังกับประเทศเพื่อนบ้าน แหล่งผลิตถ้าเมียนมาบอกว่าจัดการไม่ได้ เพราะเป็นชนกลุ่มน้อย เราคงต้องขอจัดการเองมั้ง เพราะมันเป็นศัตรูของเรา มันอยู่ในพื้นที่ไหน ถ้าเขาจัดการไม่ได้ เราต้องขออนุญาต วิธีจัดการของเราก็มีวิธี ที่สากลรับได้ และต้องจัดการเรื่องแหล่งผลิต คิดว่าอีกไม่กี่เดือน 1-2 เดือนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปพบปะกับเพื่อนบ้านทั้งหมด เพื่อผนึกกำลังกันให้ว้าแดง เลิกผลิตยาเสพติด ถ้าคุณยังผลิต คุณคือศัตรูของประเทศไทย เราไม่ควรมีความปราณีกับศัตรู นี่เป็นสิ่งที่ตนคิดว่ารัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนต้องเกิดขึ้น

