ที่อาคารอนาคตใหม่ – วันที่ 24 พฤษภาคม พรรคประชาชน (ปชน.) จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อการปรับปรุง “พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร” ตามข้อเสนอของพรรค โดยมี สส. และ ส.ก. ร่วมนำเสนอหลักการและเหตุผลในการปรับปรุงแก้ไข พร้อมมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อร่างปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร จำนวนมาก โดยหลังกิจกรรม สส. และ ส.ก.พรรคประชาชน ได้ร่วมกันแถลงข่าว
วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงเนื้อหาสาระหลักของข้อเสนอแก้ไข พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร และผลจากการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ โดยระบุว่า การแก้กฎหมายอาจไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นขั้นแรกของการแก้ไขปัญหาหลายอย่างใน กทม. ที่ติดล็อกอยู่ตามกฎหมายปัจจุบัน ทั้งนี้ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร ของพรรค ประกอบไปด้วยสาระสำคัญ 5 ประเด็น คือ 1) ปลดล็อกอำนาจให้ กทม. และผู้ว่า กทม. สามารถทำบริการสาธารณะได้โดยไม่ติดขัดข้อจำกัดทางกฎหมาย โดยกำหนดให้สามารถทำบริการสาธารณะได้ทั้งหมด ยกเว้นเพียงที่ห้ามไว้ เช่น กองทัพ เงินตรา ศาล สัญญาระหว่างประเทศต่างๆ รวมถึงสร้างความยืดหยุ่น เช่น การมอบอำนาจให้เอกชนสามารถจัดทำบริการสาธารณะให้กับประชาชนได้

2) ปลดล็อกข้อจำกัดทางการเงินการคลังให้ กทม. สามารถออกค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเองได้ เช่น ค่าธรรมเนียมโรงแรม การกู้เงิน การออกพันธบัตร การร่วมทุนกับเอกชน หรือการตั้งวิสาหกิจโดยผ่านสภา กทม. เพื่อให้ กทม. มีกลไกและเครื่องมือทางการเงินการคลังในการดูแลประชาชนชาว กทม. ได้อย่างเพียงพอ 3) การสร้างกลไกถ่ายโอนภารกิจและอำนาจที่จะมีการกระจายจากรัฐราชการส่วนกลางมาสู่ กทม. ได้มากขึ้น โดยกำหนดไว้ว่าภารกิจที่อยู่ในแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจทั้งฉบับที่ 1 และ 2 ให้ทำการถ่ายโอนภายใน 1 ปี เช่น การจราจร การกำกับดูแลโรงแรม และการกำกับดูแลโรงงานต่างๆ
วรภพกล่าวว่า 4) การปรับกรุงเทพมหานครให้เป็นองค์กรปกครองรูปแบบพิเศษ 2 ชั้น คือชั้นบนมีผู้ว่า กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ส่วนชั้นล่างคือระดับเขต ก็มีผู้บริหารเขตที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) เขตละ 12 คน ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับการบริหารมหานครในต่างประเทศ เช่น กรุงโซล โตเกียว หรือลอนดอน 5) การรับรองสิทธิของพลเมืองในการมีส่วนร่วมบริหารกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้ประชาชนสามารถรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอญัตติให้สภา กทม. หรือผู้ว่า กทม. เข้าชี้แจงเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนได้ หรือกระทั่งโครงการและการใช้งบประมาณต่างๆ กรุงเทพมหานครต้องสร้างกลไกที่ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นได้ รวมถึงการจัดทำประชามติตามที่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ เสนอ

ขณะที่ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ เขต 27 กล่าวว่า จากการรวบรวมปัญหาทั้งหมดที่เป็นข้อติดขัดในด้านกรอบอำนาจหน้าที่ของ กทม. พรรคประชาชนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้หันมามองเห็นถึงข้อจำกัดเหล่านี้ ที่ติดขัดและฉุดรั้งการทำงานของผู้ว่า กทม. อยู่ และขอให้พรรคแกนนำรัฐบาลมองเห็นถึงความสำคัญของ พ.ร.บ.กรุงเทพมหานครมากขึ้น ซึ่งการแก้ไขจะมีการนำเสนอไปในทิศทางใด ในรายละเอียดสามารถมาปรับปรุงแก้ไขร่วมกันได้ในชั้นกรรมาธิการ แต่อยากให้มีจุดเริ่มต้นร่วมกันก่อนว่าปัญหาของกรุงเทพฯ หลายประการติดขัดในเรื่องข้อกฎหมายและกรอบอำนาจหน้าที่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะมอบอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตัวแทนที่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้จริงๆ
“ขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค หากเห็นความสำคัญของปัญหาของกรุงเทพมหานครในจุดต่างๆ ขอให้เสนอร่างของตัวเองขึ้นมา หากเนื้อหารายละเอียดจะมีความแตกต่างหลากหลายออกไปก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เรามาปรับแก้ร่วมกันได้ในชั้นกรรมาธิการ” ณัฐชากล่าว

ด้าน ฉัตรชัย หมอดี ส.ก. เขตบางนา พรรคประชาชน ระบุว่า ในปัจจุบัน พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร ยังคงสร้างปัญหาต่อการบริหาร กทม. เพราะมีบทบัญญัติที่ไม่ทันสมัยและมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงอีกมาก ยกตัวอย่าง 2 ประเด็น คือการดูแลสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประชาชน และการจราจร ซึ่ง กทม. ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบริหารจัดการเรื่องพื้นฐานเหล่านี้เลย วันนี้ ปชน.จึงเสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้อำนาจฝ่ายบริหารของ กทม. มากขึ้น และสามารถแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
อีกตัวอย่างปัญหาหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา เมื่อข้อบัญญัติรถเมล์อนาคตที่พรรคประชาชนเสนอเข้าสู่สภา กทม. ได้ผ่านมติสภ แล้ว แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า กทม. ไม่มีอำนาจในการออกข้อบัญญัติฉบับนี้ ดังนั้นหาก พ.ร.บ.กรุงเทพมหานครสามารถเข้าวาระทันในสมัยประชุมนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อชาว กทม.เป็นอย่างมาก

