ตำรวจCIB รวบหนุ่มใช้รถยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียนและป้ายภาษีปลอมเข้าด่านตรวจ

348

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ช่วยราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.เอกนิรุจฒ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ธนาคาร จันทร์กระจ่าง รรท.รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สวญ.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล.


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.มนูญ แทงทอง สว.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. (พังงา, กระบี่, ภูเก็ต)
ร่วมกันจับกุม นายประเสริฐฯ อายุ 47 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีชมพู-ดำ จำนวน 1 คัน,แผ่นป้ายทะเบียน (ปลอม) จำนวน 2 แผ่น,แผ่นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ปลอม) จำนวน 1 แผ่น
สถานที่จับกุม บนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 402 กม.10-11 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต


พฤติการณ์ ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ พบผู้ถูกจับขับขี่รถยนต์คันของกลางผ่านมามีท่าทางพิรุธ จึงได้ให้สัญญาณสั่งให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าแผ่นป้ายทะเบียน และแผ่นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีที่ติดแสดงอยู่ มีข้อมูลไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกรมการขมส่งทางบก พบมีร่องรอยแก้ไขข้อมูล สอบถามผู้ถูกจับรับว่าตนเป็นผู่เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวและได้ทำการปลอมโดยการแก้ไขข้อมูลบนแผ่นป้ายทะเบียนจริง อ้างว่าเนื่องจากขาดผ่อนชำระค่างวดจึงเกรงว่าบริษัทไฟแนนซ์จะติดตามมายึดรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและจับกุมตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อ รับว่าตนเป็นผู้แก้ไขข้อมูลในแผ่นป้ายทะบียนและป้ายภาษีด้วยตนเอง

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ประชาสัมพันธ์ การปลอมใช้เอกสารราชการปลอมเป็นความผิด
ตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท


    “การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”