มุมมองพนักงานสอบสวนหญิง แนะช่องจัดการ งานสอบสวนของตำรวจ

1029

    “    ”ประดู่แดง”เคยนำเสนอถึงความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ขับเคลื่อนกู้วิกฤตงานสอบสวน ด้วยการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมงานสอบสวน มีทั้ง รอง ผบ.ตร. อดีต รอง ผบ.ตร.และอดีตตำรวจมือสอบสวนชั้นครูร่วมประชุม เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม


      โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่าจะเน้นรับฟังความเห็น ปัญหาข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพนักงานสอบสวนจากผู้เข้าร่วมประชุม รวมถึงแนวทางการสร้างขวัญกำลังใจพนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดำรงตนในความยุติธรรมได้อย่างสมศักดิ์ศรี

          จากการประชุมในวันนั้นเชื่อว่าคณะกรรมการฯแต่ละคนคงจะไปค้นคว้าและรับฟังความเห็นต่างๆจากทั้งพนักงานสอบสวนที่กำลังรับราชการ อดีตตำรวจมือสอบสวน ทนายความ อัยการ และผู้พิพากษา เป็นต้น เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการถกเถียงเป็นแนวทางแก้ไขฉุดให้งานสอบสวนพ้นวิกฤต

               จังหวะเดียวกันในโลกโซเซียลพนักงานสอบสวนบางส่วนโพสต์ความเห็นและแนวทางในการแก้ไข มีความเห็นหนึ่งอดีต รอง ผบ.ตร.แชร์ผ่านไลน์ถึง”ประดู่แดง” ให้อ่านและพิจารณาดู พบว่าเนื้อหาน่าสนใจจึงขอนำเสนอดังนี้”วิกฤตพนักงานสอบสวนกับอำนาจสอบสวนคดีอาญา” มีข้อเรียกร้องเพื่อลดภาระงานที่ไม่ใช่อำนาจสอบสวนของตำรวจ

       1.คดีในอำนาจพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ต่างๆที่มีอำนาจ ปลัดอำเภอต่างๆต้องทำสำนวนเอง

2.คดีทุจริตภาครัฐต่างๆในอำนาจของเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีกำลังพลกระจายอยู่ทั่วประเทศมีทั้งป.ป.ช.ภาค ป.ป.ช.จังหวัด จำนวน 1,897 คน ไม่ต้องคืนสำนวนทุจริตให้พนักงานสอบสวนตำรวจโรงพักทำ

    3.คดียาเสพติด เจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ไม่ต้องตั้งให้พนักงานสอบสวนตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. หน่วยใดจับกุมยาเสพติดได้ ส่งป.ป.ส.พื้นที่ดำเนินการ เพราะมีอำนาจสอบสวนทั่วประเทศอยู่แล้ว แถมมีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหามากกว่า 48 ชั่วโมงด้วยซ้ำ จะช่วยให้ป.ป.ส.วางแผนควบคุมยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าสอบผู้ต้องหาเองจะรู้ที่มาของยาเสพติด

  4.คดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ(กระทรวงดิจิทัลฯ)เป็นพนักงานสอบสวน ไม่ต้องให้พนักงานสอบสวนตำรวจทำ พวกท่านรวบรวมพยานหลักฐานเอง เพราะมีความเชี่ยวชาญกว่า ผ่านการอบรมเป็นเดือนๆ ค่าใช้จ่ายในการสืบสวนสอบสวนกฎหมายกำหนดให้เบิกได้ แต่พนักงานสอบสวนโรงพักไม่มีระเบียบให้เบิก กรุณาอย่าโยนคดีให้พวกเราเลย

  5.คดีปรับเป็นพินัย(คดีมีโทษปรับสถานเดียวเปลี่ยนมาปรับเป็นพินัยไม่ถือว่าต้องหาคดีอาญา)เจ้ากระทรวง ทบวง กรม ทั้งหลาย ที่ถือพ.ร.บ.ที่มีโทษทางอาญาอยู่ ท่านไม่ต้องตั้งพนักงานสอบสวน เป็นเจ้าหน้าที่ปรับพินัย ฝึกทำคดี อำนาจหน้าที่ท่านลองทำดู แค่เรียกผู้ต้องหามาพบตามหมายเรียกหรือรับจากตำรวจส่งไปง่ายๆรับค่าปรับเน้นๆ เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ต้องรับโทษทางอาญา

    พนักงานสอบสวนตำรวจทำหนังสือส่งไปหน่วยงานอื่นที่เขามีอำนาจปรับพินัย รู้ว่ายุ่งยากวุ่นวายทำไมปรับเองไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ใหม่ๆงงๆโยนไปคืนให้เขาไปทำ เดี๋ยวจะเข้ารูปเข้ารอยเอง อย่าท้าทายระบบกฎหมายอาญา ฟังก์ชั่นเราทำตามอำนาจหน้าที่เรา

  6.คดีไกล่เกลี่ย(คดีความผิดอันยอมความได้และคดีลหุโทษ)พนักงานสอบสวนโปรดเรียกผู้ไกล่เกลี่ย เขาอบรมกันทั่วประเทศขึ้นทะเบียนเป็นหมื่นคน ได้รับค่าใช้จ่ายในการไกล่เกลี่ย กระทรวงยุติธรรมพร้อมจ่าย พนักงานสอบสวนตำรวจอย่าหงุดหงิดเรานั่งไกล่เกลี่ยเองไม่ได้ค่าสำนวน เสียเวลานั่งกันเป็นวันๆเถียงกันไปมา ให้ผู้ไกล่เกลี่ยได้ทำตามอำนาจหน้าที่  ตำรวจรอ ถ้าเขาไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ สอบปากคำแจ้งข้อกล่าวหาส่งอัยการ

 7.คดีนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดกรุณาให้สำนักงานการสอบสวนแสดงฝีมือบ้าง ไม่ต้องตั้งพนักงานสอบสวนท้องที่ร่วมสอบสวน 8.เจ้านายและอดีตเจ้านายตำรวจที่ไปเป็นที่ปรึกษากระทรวงต่างๆหรือไปประชุมเป็นปากเป็นเสียงเถียงกับหน่วยงานอื่นบ้าง อย่ารักและคิดถึงลูกน้องโดยเฉพาะพนักงานสอบสวนมากนัก อย่าเอางานมาให้เลยกำลังพลตำรวจเยอะจริง แต่พนักงานสอบสวนมีแค่ 10,000 คน จะรับงานคนอื่นมาทำมันไม่ได้ ถ้าจะรับกรุณาต่อรองเอาวิตามิน M-Money มาบำรุงขวัญกำลังใจ ค่าใช้จ่ายในการสืบสวบสอบสวนแต่ละคดีไม่น้อย จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

       หากคณะกรรมการส่งเสริมงานสอบสวนทุกท่านได้อ่านน่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยแก้วิกฤตงานสอบสวนได้ แต่ต้องเปิดใจอ่านเพราะตำรวจส่วนใหญ่ยังยึดติดที่จะทำทุกหน้างานในการบังคับใช้กฎหมาย  ถ้าจะให้การกู้วิกฤตงานสอบสวนบรรลุเป้าหมาย”ผบ.ตร.”ต้องเป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารถึงรัฐบาลให้สนับสนุนงบประมาณ เพราะถ้าขาดงบประมาณการขับเคลื่อนกู้วิกฤตงานสอบสวนจะเสียเวลาเปล่า !!!