นำร่อง 10 จังหวัด แก้ยาเสพติด “อุ๊งอิ๊ง”คุยหลังสงกรานต์เข้าเป้า นับวันรอจะแถลงผลสำเร็จกี่โมง

627


       ‘          จั่วหัวแบบนี้ผู้อ่านเข้าใจทันทีว่า”จอมมารน้อย”วนมาเขียนวิจารณ์การแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลอีกแล้ว ต้องขอบอกว่าปัญหานี้ปล่อยผ่านไม่ได้ต้องทวงถามเป็นระยะๆ เพราะเป็นยิ่งกว่ามะเร็งร้ายที่กัดกินคนในสังคมและประเทศชาติ

               “จอมมารน้อย”จะบอกตลอดเมื่อเขียนถึงการปัญหายาเสพติดว่าถ้ารัฐบาลทำได้สำเร็จเสมือนการทำบุญครั้งใหญ่ให้กับประชาชนที่สมาชิกในครอบครัวตกเป็นทาสยาเสพติด เพราะถ้าคนในครอบครัวตกเป็นทาสเพียงคนเดือนเสมือนตกนรกกับทั้งครอบครัวรวมถึงเครือญาติ ซึ่งปัญหายาเสพติดในห้วงเกือบสิบปีเผด็จทหารภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครองอำนาจ ยาเสพติดระบาดอย่างหนักลงลึกลงไปทุกหย่อมหญ้า หาซื้อได้ในราคาถูกเกือบทุกชุมชน แถมคลอดกฎหมายกัญชาเสรีออกมาอีกต่างหาก

              ในจังหวะนั้นรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายอะไรที่พิเศษเพื่อปราบปรามยาเสพติด นอกจากสืบสวนจับกุมแล้วแถลงข่าวยึดของกลางจำนวนมหาศาล แถมจับกุมได้ทั้งในเมืองหลวงและปริมณฑล จนชาวบ้านตั้งคำถามว่ายาบ้าบิ๊กล็อตทะลักจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาถึงเมืองกรุงได้อย่างไร ทั้งที่ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ลาดตระเวนตรวจอย่างแน่นหนา เป็นคำถามที่ไม่เคยได้ยินจากรัฐบาลเผด็จทหารเลย

        หลักฐานอย่างหนึ่งที่ยืนยันว่าคนไทยเป็นทาสยาเสพติดจำนวนมากนั่นคือทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาเปิดข่าวทีวี วิทยุ หรือสื่อโซเซียล จะปรากฏข่าวขี้ยาคลั่งฆ่าพ่อแม่ ทำร้ายบุพการี เผาบ้าน อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ทีวีนำเสนอข่าวพ่อเลี้ยงเมายาฆ่าลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ และหนุ่มใหญ่ทาสยาเสพติดเกิดอาการหลอนใช้มีดฟันมือพ่อขาด ทำร้ายจนตายนำศพหมกในถังส้วม

            เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ชาวบ้านต่างคาดหวังสูงเพราะมีนายทักษิณ ชินวัตร เคยสร้างผลงานปราบปรามยาเสพติด จนประชาชนที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติดเชียร์สุดใจมานั่งเป็นกุนซือ แต่ความคาดหวังค่อนข้างเลือนราง เพราะยุคที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีดันเป็นวาระแห่งชาติประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดแรกที่หนองบัวลำภู ประกาศให้หนองบัวลำภู เป็นต้นแบบนำร่องปราบปรามยาเสพติดขีดเส้นเห็นผลภายใน 1 ปี แต่ล่มไม่เป็นท่าเพราะหลังจากนั้นนายเศรษฐาไม่เคยพูดถึงอีกเลย แต่กลับไปสร้างโมเดลใหม่”ธวัชบุรีโมเดล”จ.ร้อยเอ็ดและท่าวังผาโมเดล จ.น่าน กระทั่งตกเก้าอี้

          นายทักษิณ ผลักดันน.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านคาดหวังสูงกว่ารัฐบาลนายเศรษฐา เพราะเชื่อมั่นว่านายทักษิณ ต้องผลักดันอย่างเต็มที่

        พลันที่น.ส.แพทองธาร รับตำแหน่งประกาศการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติให้ทุกหน่วยประสานกันทำงาน หลังจากนั้นเพียง  2 เดือน น.ส.แพทองธาร ไปตรวจผลงาน”ธวัชบุรีโมเดล”ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติงานและบอกว่าพอใจผลงานที่สามารถจับกุมกวาดล้างยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก

       พร้อมประกาศยกระดับการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มข้น นำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ สกลนคร นครพนม ระยอง นครศรีธรรมราช ตรัง และนราธิวาส  ขีดเส้นประกาศเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติดหรือปัญหาลดลง 90 เปอร์เซ็นต์ก่อนเทศกาลสงกรานต์ 2568

      ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร มอบนโยบายให้กองทัพ ตำรวจ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงมหาดไทยให้ร่วมกันป้องกันและปราบปราม ใช้นโยบายคุมเข้มตะเข็บชายแดนสกัดการลำเลียงยาเสพติดทุกรูปแบบ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะทั้งยาบ้า ยาเค ยาไอซ์ ทะลักมาถึงเมืองกรุงจำนวนมาก  ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม น.ส.แพทองธาร แถลงข่าวตำรวจภูธรภาค 1 จับยาบ้า 8.7 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 720 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

    ส่วนนโยบายนำร่อง 10 จังหวัด ส่อเค้าว่าล้มเหลวเพราะชาวบ้านในพื้นที่ยังสัมผัสไม่ได้เลยว่าการแก้ปัญหายาเสพของรัฐบาลแพทองธารบรรลุเป้า เพราะแต่ละพื้นที่ชาวบ้านที่ลูกตกเป็นทาสยาเสพติดยังเข้าไม่ถึงกระบวนการบำบัดเลยแถมในชุมชนส่วนใหญ่ขี้ยาสามารถหาซื้อยาได้อย่างง่ายดาย โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือฝ่ายปกครอง อยู่ในสภาพเดิมๆคือเกียร์ว่าง

   ดังนั้นนโยบายนำร่อง 10 จังหวัดที่ น.ส.แพทองธาร ประกาศไว้ว่าจะบรรลุเป้าหมาย 90 เปอร์เซ็นต์หลังสงกรานต์นั้นเป็นเพียงคำลวงหรือนโยบายหลอกให้ชาวบ้านรู้สึกดีเท่านั้น ถ้าเข้าเป้าจริงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร คงออกมาแถลงถึงความสำเร็จแล้ว เพราะขณะนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 1 เดือนยังเงียบเหมือนเป่าสาก

   สำหรับนโยบายปราบปรามยาเสพติด”จอมมารน้อย”จะขอเขียนวิจารณ์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะจากที่เฝ้าติดตามดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่คำลวงให้ชาวบ้านรู้สึกสบายใจเท่านั้น เพราะการแพร่ระบาดเวลานี้ไม่ได้แตกต่างจากยุคของพล.อ.ประยุทธ์ และนายเศรษฐา แต่อย่างใด !!!