น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปท.) และอดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. ได้โพสข้อความเฟสบุ๊คภายใต้เรื่อง “ปปช.อย่าแค่สร้างวาทกรรมไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน” โดยมีเนื้อหาใจความว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เคยออกสนับสนุนชักชวนประชาชนให้ร่วมมือในการต่อต้านการคอร์รัปชันเช่น แต่กับกรณีนาฬิกาหรูของพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับเชื่องช้า จนประชาชนตั้งข้อสงสัยว่ากำลังหาทางถ่วงเวลาให้ยืดยาวออกไป ใช่หรือไม่
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า ต้องชมเพจเฟสบุ๊คชื่อดัง ‘CSI LA’ ที่ สนองนโยบายปปช.ด้วยการเป็นศูนย์กลางระดมข้อมูลจากประชาชนเพื่อค้นหาภาพนาฬิกาและบรรดาแฟนพันธุ์แท้นาฬิกาหรูช่วยกันไขข้อมูลว่าเป็นรุ่นอะไร ราคาเท่าไหร่ด้วยนั้น ถือว่ามีประสิทธิภาพกว่าการทำงานของปปช. การพบนาฬิกาหรูถึง19 เรือนมูลค่า 29,623,000ล้านบาท คงทำให้ปปช.ปิดคดีนี้ยากขึ้นและเป็นไปไม่ได้ น.ส.รสนาชี้ต่อว่า ไหนๆ ปปช.จะปิดคดีไม่ได้แล้ว จึงเสนอปปช. เพื่อการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็คือ ให้ปปช.ขอความร่วมมือจากพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่งนาฬิกาทุกเรือนตามที่ปรากฎในรูปภาพจากเพจ CSI LA และขอให้กรมศุลกากร ตรวจดูว่านาฬิกาเหล่านั้นมีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของกันแน่ นาฬิกาหรูเหล่านี้ย่อมมี serial number ว่าใครเป็นผู้ซื้อมือแรก และเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่านาฬิกาเริดหรูราคาแพงแบบนี้คงมีไม่กี่เรือนในประเทศไทยจึงไม่น่าจะหาได้ยาก และยกตัวอย่างว่าขอให้ดูเอกสารของกรมศุลกากรเมื่อวันที่ 10 พ.ค 2560 (ดูภาพประกอบด่านล่าง) ด่านศุลกากรที่สนามบินสุวรรณภูมิพบหญิง2คนสวมใส่นาฬิกาหรูยี่ห้อ Patex Philippe และ Audemars Piguet ซึ่งไม่ได้เสียภาษี และไม่สำแดงเอกสารสิ่งของต้องสำแดงเพื่อเสียภาษี เมื่อถูกด่านศุลกากรตรวจพบ ต้องถูกยึดของกลางและถูกปรับ จึงยอมระงับคดีกับด่านศุลกากรโดยยอมให้ยึดของกลางให้ตกเป็นของแผ่นดิน
น.ส.รสนาย้ำว่า หากข้อเสนอนี้หากปปช.ไม่ดำเนินการ ก็มีคำถามว่ากรมศุลกากรสามารถขอตรวจสอบนาฬิกาหรูของพล.อ ประวิตรเองได้ไหมว่านำเข้ามาโดยเสียภาษีแล้วหรือไม่ เหมือนกรณีที่ดาราซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงมาโพสลงไอจี ก็ยังถูกกรมศุลฯตรวจสอบว่าเสียภาษีแล้วหรือไม่ หากมีการตรวจสอบนาฬิกาหรูจากมุมการเสียภาษี ก็อาจจะพบความจริงอีกด้านหนึ่งว่าใครเป็นผู้ซื้อ จะได้ทราบว่าพล.อ ประวิตรซื้อเองหรือยืมจากผู้ใดกันแน่ ถ้าปปช.จะรักษาชื่อเสียงในฐานะองค์กรปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ก็สมควรดำเนินการอย่างแข็งขันให้สมกับที่ออกสโลแกนเชิญชวนประชาชนไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน และให้ร่วมมือเป็นหูเป็นตาทั่วนาทั่วไร่อย่างแท้จริง
น.ส.รสนาทิ้งท้ายว่า ปปช.อย่าเพียงแต่สร้างวาทกรรมให้คนอื่นทำตาม แต่ขอให้ใช้อำนาจตามหน้าที่ของตนให้สมกับเป็นองค์กรปราบปรามคอร์รัปชันแห่งชาติ จะได้ไม่ถูกประชาชนที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้องค์กรของท่าน ตำหนิได้ว่า เลี้ยงท่านเสียข้าวสุกข้าวสารเปล่าๆ ใช่หรือไม่