
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ หลัง ประชุมร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ล ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ว่าจากการประชุมติดตามสถานการณ์ภาคใต้กับ ผบ.ทบ. ได้เสนอให้บูรณาการทุกภาคส่วน จึงเชิญปลัดมหาดไทย ผบ.ตร.เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ในภาคใต้ ที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันคือบูรณาการการทำงานในส่วนของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ประกอบทหาร ตำรวจ พลเรือน ช่วยก็ทำงานทั้งเชิงรับและเชิงรุก …”
ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แจ้งว่า”พล.อ.พนา แคล้วปลดทุกข์ ผบ.ทบ.บอกว่าถึงเวลาที่ต้องร่วมกันต่อสู้โดยอาศัยองค์ประกอบต่างๆที่มีอยู่ในระบบ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนและกลไกกระบวนการยุติธรรม มาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาร่วมกัน พร้อมสั่งการให้กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทั้งเชิงรุกและเชิงรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์…”
รูปแบบนี้ชาวบ้านในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนใต้ฟังซ้ำมาแล้วกว่า 20 ปี เพียงแต่เปลี่ยนตัวคนพูดเท่านั้น จึงพอสะท้อนได้ว่าการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ไม่ได้มีอะไรใหม่และไร้วี่แววที่จะทำให้ชาวบ้านทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมอยู่กันอย่างสงบสุขได้ ทั้งที่ปัญหาเหล่านี้ถ้าแก้กันจริงๆน่าจะจบหลังเกิดเหตุไม่เกิน 5 ปีแล้วถ้ารัฐบาลและกองทัพมีความจริงใจที่จะแก้ แต่ที่ผ่านมาผู้เกี่ยวข้องทุกระดับกลับใช้เป็นเครื่องมือแสวงประโยชน์เข้าตัวเองโดยใช้ชีวิตของชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการระดับล่างเป็นเครื่องมือ
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา”จอมมารน้อย”มีโอกาสเดินทางกลับบ้านอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด พบปะแหล่งข่าวเก่า เพื่อน ญาติพี่น้อง และนักการเมืองท้องถิ่น ตั้งวงคุยคราใดคนร่วมวงบอกว่าช่วยเป็นสื่อฝากคำถามถึงรัฐบาลและกองทัพช่วยตอบด้วยมีการตั้งคำถามอย่างหลากหลายจะขอคัดคำถามดูแล้วน่าจะคลอบคลุม
คำถามแรกจากแหล่งข่าวบอกว่าก่อนคนร้ายก่อเหตุแต่ละครั้ง การข่าวไม่มีเบาะแสว่าก่อเหตุเมื่อใดที่ไหน เท่าที่สังเกตมักจะได้ยินหลังก่อเหตุแล้วหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนล่วงหน้า แต่ไม่ได้ระบุวันเวลาแต่อย่างใด ทั้งที่หน่วยข่าวมีจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น ข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หน่วยข่าวมหาดไทย สันติบาล และกอ.รมน. ไม่ทราบว่าหน่วยข่าวเหล่านี้ทำงานประสานกันหรือไม่ คาดว่าต่างฝ่ายต่างทำ ถ้าประสานกันจริงเหตุร้ายคงไม่เกิด
หรือกรณีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)มีบทบาทสำคัญในเชิงพัฒนามีสำนักงานใหญ่โตที่จ.ยะลา มี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ นั่งเลขาธิการ ศอ.บต.มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการศอ.บต.รัฐมนตรีว่าการกะทรวงยุติธรรม มีบทสำคัญในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ด้วย ไม่มีน้ำยาพอที่จะช่วยบรรเทาให้ไฟใต้มอดลงได้เลยหรือ ทั้งที่มีงบประมาณอยู่จำนวนมาก หรือเลขาธิการฯมีหน้าที่เพียงเยี่ยมปลอบขวัญเหยื่อแล้วมอบเงินเยียวยาเท่านั้นหรือ ?
อีกคำถามที่ชาวบ้านคาใจอย่างยิ่งคือการจัดซื้อจัดจ้างไม่ว่าจะหน่วยงานไหนจะได้สินค้าไร้คุณภาพแทบทั้งสิ้น แม้แต่วงการเกษตรที่ซื้อพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ แจกชาวบ้านเพื่อส่งเสริมอาชีพจะได้แต่คุณภาพต่ำ ขอยกตัวอย่างพันธุ์พืชแจกชาวบ้านไปปลูก 10 ต้น รอดจริงไม่เกิน 5 ต้น
หรือกรณีเรือเหาะที่กองทัพบกซื้อมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท แต่ราคาในท้องตลาดไม่กี่ล้านบาท ใช้งานได้ไม่เกิน 5 ครั้งเก็บเข้าสุสาน ชาวบ้านต่างฟันธงว่าเงินใต้โต๊ะเพียบ แต่กองทัพบกไม่ขยับที่จะสอบสวนเพื่อทำความจริงให้กระจ่างเลย
มีการตั้งคำถามถึงการเจรจากับกลุ่มต่างๆว่ารัฐจะเจรจากับกลุ่มไหน บีอาร์เอ็นหรือโจรกลุ่มอื่น เวลาผ่านมากว่า 20 ปี ไม่เคยเห็นแกนนำตัวจริงของบีอาร์เอ็นเลย มีแต่อ้างว่าเป็นแกนนำพอจะเจรจากลับมีอีกกลุ่มบอกว่าที่เจรจากับรัฐไม่ใช่ตัวจริง แนวทางนี้เลิกเถอะเพราะมีแต่หลอกแดกเท่านั้น
ขณะที่อดีตนักการเมืองท้องถิ่นเสนอว่าให้รัฐบาลจัดสรรงบฯให้องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)มีประมาณ 7-8 พันแห่ง ให้ตำบลละ 10 ล้านบาทบริหารจัดการตำบลไหนไม่มีเหตุร้ายเลยเพิ่มงบฯให้ตำบลไหนมีเหตุร้ายตัดงบฯออกจนกว่าจะคุมสถานการณ์แล้วค่อยเพิ่มงบฯให้
“จากนั้นใช้กฎหมายปกติเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ แต่ช่วงแรกตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองต้องคุมเข้มเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันพวกเสียผลประโยชน์สร้างสถานการณ์ เชื่อว่าไม่เกิน 3 ปีน่าจะสงบได้ แนวทางนี้รัฐบาลไม่ต้องกังวลว่าจะไปสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มแนวร่วมฯ เพราะพวกนี้มีน้อยจะมีเพียงแค่สร้างภาพเพื่อสร้างราคาให้กับตัวเองเท่านั้น”อดีตนักการเมืองฯระบุและว่าจะใช้งบปีละไม่พันล้าน
เป็นคำถามเพียงบางส่วนที่นำเสนอเพื่อสื่อสารถึงรัฐบาล กองทัพและผู้กุมอำนาจว่า ชาวบ้านในที่พื้นที่คิดอย่างไร และส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายหยุดใช้ความเป็นความตายของคนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แสวงหาผลระโยชน์ได้แล้ว !!!
