ที่อาคารอนาคตใหม่ วันที่ 21 เมษายน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวความคืบหน้ายุทธการโรยเกลือ หรือกระบวนการเดินหน้าตรวจสอบข้อทุจริตและความผิดปกติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ว่าพรรคประชาชนจะมีการดำเนินการทางกฎหมายและกระบวนการต่างๆ ต่อ 3 กรณี ประกอบด้วย กรณีนายกรัฐมนตรีใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) 9 ฉบับโดยไม่มีการกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย สร้างกระบวนการให้ดูเสมือนว่าเป็นการซื้อหุ้นจากบุคคลในครอบครัวและเครือญาติ มูลค่ารวม 4,434.5 ล้านบาท ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเจตนาที่แท้จริงในการหลีกเลี่ยงชำระภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาท และน่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับนายกรัฐมนตรี ที่ยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐอีกด้วย
วิโรจน์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พรรคประชาชนได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากรเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรา 13 สัตต (7) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัยกรณีนี้ว่าเป็นนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้หรือไม่ ซึ่งตรวจสอบได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสัญญาการซื้อขายว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เงื่อนไขในสัญญาสอดคล้องกับการทำสัญญาซื้อหุ้นทั่วไปหรือไม่ ตั๋วสัญญาใช้เงินย้อนหลังของคนในครอบครัวที่เคยทำกันมาเคยมีการชำระหนี้กันจริงหรือไม่ และยังพิจารณาต่อได้อีกว่านายกรัฐมนตรีได้มีการนำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทมาชำระค่าหุ้นบ้างหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายจะต้องมีการติดตามให้มีการชำระภาษีย้อนหลัง พร้อมแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไป ซึ่งทางพรรคประชาชนจะดำเนินการหลังจากที่คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรดำเนินการแล้วเสร็จ
วิโรจน์ กล่าวว่า กรณีโฉนด 4 แปลงที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม เทมส์ วัลเลย์ เขาใหญ่ พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีสถานะเป็นที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้เพื่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ หรือพื้นที่ต้นน้ำลำธารซึ่งห้ามออกโฉนดโดยเด็ดขาด จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการออกโฉนดทั้ง 4 ฉบับเป็นการออกโฉนดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พรรคประชาชนได้ยื่นหนังสือกับอธิบดีกรมที่ดินเพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม เทมส์ วัลเลย์ เขาใหญ่ โดยจะมีการติดตามการดำเนินการของอธิบดีกรมที่ดินอย่างต่อเนื่องต่อไป

สส.พรรคประชาชน กล่าวถึงข้อสงสัยว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่นหรือไม่กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุตรสาวจะต้องทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับสิทธิหรืออภิสิทธิ์ตั้งแต่แรก เมื่อสังคมได้มีการตั้งข้อสงสัยแทนที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงต่อสาธารณะ กลับบ่ายเบี่ยงซ่อนเร้นและอำพรางข้อเท็จจริง ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 172 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และมาตรา 11 (1) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการสั่งการให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยพรรคประชาชนมอบหมายให้ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้มีการดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดต่อนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายต่อไป
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่าสำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องการให้พรรคประชาชนใช้กลไกด้านจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญในการจัดการนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชื่อเพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ข้อเสนอให้พรรคประชาชนดำเนินการให้ ป.ป.ช. ไต่สวนกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยนั้น พรรคเห็นว่าหากถูกสังคมและประชาชนตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องและไม่อาจชี้แจงข้อเท็จจริงได้จนสิ้นข้อสงสัย นายกรัฐมนตรีควรต้องมีความสำนึกในตนเองและแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องให้กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นมรดกบาปของการทำรัฐประหาร ขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และไม่มีการยึดโยงกับเจตจำนงของประชาชน มาเป็นผู้ชี้นิ้วไล่ให้ออกจากตำแหน่ง

“เรายืนยันว่าการใช้ผ้าที่สกปรกถูบ้านไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ การใช้น้ำเน่าไล่น้ำเสียไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาด พรรคประชาชนยืนยันอีกครั้งว่าเราจะไม่ใช้กลไกที่เราไม่ยอมรับในความชอบธรรม ในการจัดการกับสิ่งที่ไม่ชอบธรรมเด็ดขาด เพราะหากทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะติดอยู่กับวังวนของนิติสงครามที่คณะรัฐประหารได้วางหลุมพรางเอาไว้ และประเทศชาติก็จะไม่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นนิติรัฐได้อีกเลย” วิโรจน์กล่าว
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่าพรรคประชาชนขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสำนึกในความดีความชั่วของตนและแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ยังสามารถรักษาเกียรติภูมิของตำแหน่งผู้นำประเทศเอาไว้ได้ โดยไม่ต้องรอให้กลุ่มบุคคลใดมาชี้หน้ากล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนต้องถูกไล่ออกจากตำแหน่งเหมือนทรชนที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย