เชียร์ตำรวจพรหมบุรี ต้องลุยฟ้อง พวกหิวแสงป่วน-ข่มขู่-ให้ร้าย ฝากนายพลสีกากี ระดับ ตร.ยืนเป็นกำแพงให้พิง

302



        ฟัง พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี  จ.สิงห์บุรี  ให้สัมภาษณ์ยืนยันจะดำเนินคดีกับแอดมินเพจ”อย่าหาทำ”พร้อมพวกรวม 3 คน ตั้งกล้องและถ่ายคลิปใกล้บริเวณที่ ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.พรหมบุรี กำลังปฏิบัติหน้าที่ใช้กล้องตรวจจับความเร็วสำหรับรถที่ขับในอัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด บริเวณเกาะกลางถนน  ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี ระหว่างถ่ายคลิปได้พูดยั่วยุเสียดสีการทำงานของด.ต.ศุภมิตร เป็นเวลาเกือบ 30 นาที ขณะด.ต.ศุภมิตร นิ่งเงียบด้วยความอดทน จนเกิดความเครียด ร่างทรุดลงเกิดอาการชักเกร็ง ถูกนส่งโรงพยาบาล หมอวินิจฉัยกล้ามเนื้ออ่อนแรง เลือดซึมในสมอง

     “ประดู่แดง”ชักธงเชียร์อย่างเต็มที่ เพื่อได้เป็นบทเรียนให้กับเพจอื่นๆเพราะมีอีกหลายเพจที่มีพฤติกรรมทำนองเดียวกัน คือถ่ายคลิปจับผิดการทำงานของตำรวจแล้วนำไปประจานและบางเพจนำไปแบล็กเมล์ตบทรัพย์กับตำรวจ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าตำรวจไม่กล้าเอาผิดจนเกิดอาการย่ามใจ

       ทั้งที่ในความเป็นจริงตำรวจที่ตั้งด่านส่วนใหญ่ทำด้วยความสุจริตเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและช่วยสกัดจับอาชญากรได้บ่อยครั้ง  แต่เมื่อถูกเพจต่างๆถ่ายคลิปประจานส่วนใหญ่เลือกที่จะนิ่งเพราะไม่อยากมีเรื่องเนื่องจากต้นทุนทางสังคมต่ำ ทั้งที่ไม่ทำอะไรผิดเลย

       อย่างกรณีของ ด.ต.ศุภมิตร ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ภรรยาของ ด.ต.ศุภมิตร บอกว่า เพจ”อย่าหาทำ”เคยมาไลฟ์สดก่อนหน้าแล้ว แต่สามีบอกว่าไม่เป็นไรอดทนได้ ซึ่งกรณีไลฟ์สดเชิงก่อกวนและข่มขู่ตำรวจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ตำรวจส่วนใหญ่ เลือกที่จะเงียบไม่อยากต่อกรด้วย อีกทั้งเกรงว่าเมื่อคลิปถูกปล่อยออกไป อาจถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปตำหนิทั้งที่ไม่ได้มีความผิดและบางครั้งไปกระทบกับการเลื่อนตำแหน่งได้

          แต่เมื่อเจอกับผู้บังคับบัญชาการที่เข้าใจและทนไม่ได้ที่ถูกพวกเพจต่างๆดูถูกตำรวจ อย่าง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สชม.)สมัยเป็นรองผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)สั่งการให้แจ้งความดำเนินคดีกับพวกไลฟ์สดก่อกวน ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.40 น.วันที่ 26 มกราคม 2567 ขณะที่ ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ เก้าสด รองสวป.สภ.หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกำลังตั้งด่านตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน มีชายอ้างว่าชื่อนายเล็ก โพธิ์อ่อง สมาชิกเพจนักรบด่านเถื่อน ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดไลฟ์สดพร้อมสอบถามถึงการตั้งด่านว่าเปิดกล้องประจำตัวของตำรวจหรือไม่และพูดในลักษณะก่อกวน ตำหนิ การทำงาน ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ แจ้งให้นายเล็ก ออกไปจากพื้นที่การปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ยอมออก อันเป็นลักษณะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่

      ต่อมา พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน (ขณะนั้น) สั่งการให้แจ้งความเอาผิดกับพวกหิวแสงฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่และก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่นในทางสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138และ มาตรา 387   ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ แจ้งความร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.ท.พงษ์ชะณัฐ สมจิตร์ รองผกก.(สอบสวน) ตามคดีอาญาที่ 72/2567 ลงวันที่ 30 มกราคม 2567

       ทั้งนี้ ก่อนจะแจ้งความ พล.ต.อ.รอย เห็นไลฟ์สด จึงเรียก ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไปพบมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจพร้อมชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ขอให้รักษามาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ อย่าเสียกำลังใจ


       พล.ต.อ.รอย บอกว่า ตำรวจตั้งด่านสกัดจับอาวุธปืนเถื่อน ที่อาจจะนำไปก่อเหตุได้ แต่กลับถูกบุคคลที่แสดงตัวเป็นนักรบด่านเถื่อนก่อกวน ยั่วยุ ด้วยการถ่ายคลิปท้าทาย แต่ ร.ต.อ.รุ่งโรจน์พูดจาด้วยความอดทนต่อการยั่วยุ

     “บุคคลที่อ้างว่าเป็นสมาชิกนักรบด่านเถื่อนมักใช้วิธีแบบนี้ในหลายพื้นที่แล้วนำคลิปไปนำเสนอเพื่อดิสเครดิตตำรวจ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกมองในภาพลบอยู่บ่อยๆ  ผมขอชมเชยและให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจดีๆ”พล.ต.อ.รอยระบุ

    หากมองอย่างวิเคราะห์ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในลักษณะคล้ายกัน แต่ที่สภ.หัวหิน แค่โต้เถียงกันไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ต่างกับสภ.พรหมบุรี ตำรวจที่ถูกให้ร้ายเสียดสี ถึงขั้นเกิดอาการชักเกร็ง เลือดออกในสมอง  หากส่งโรงพยาบาลไม่ทันมีโอกาสเป็นอัมพาตป่วยติดเตียงได้

     การที่ พ.ต.อ.สุเมธ สั่งให้รวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลไลฟ์สด ถือว่าถูกต้องแล้ว อย่างน้อยเป็นการการันตีว่าการตั้งด่านตรวจและตั้งกล้องถ่ายจับความเร็วรถดำเนินการด้วยเจตนาบริสุทธิ์ แต่ถ้า พ.ต.อ.สุเมธเลือกที่จะเงียบจะไปเข้าทางพวกไลฟ์สดและทำให้สังคมเกิดความกังขาได้

    เมื่อ พ.ต.อ.สุเมธ เปิดฉากที่จะลุยกับเพจ”อย่าหาทำ”มีผู้ติดตามจำนวนมาก อาจจะมีผลกระทบภายหลังได้ จึงอยากเห็นระดับบิ๊กตร.ช่วยออกมาการันตีเสมือนเป็นกำแพงให้พิงอย่างที่พล.ต.อ.รอย เคยทำน่าจะเป็นขวัญและกำลังใจให้ตำรวจเป็นอย่างดี และเมื่อเจอพวกเพจลักษณะดังกล่าวตำรวจพร้อมที่จะชักธงสู้ !!!