“ นับแต่ปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้และอีกเดือนกว่าๆ ถึงเทศกาลสงกรานต์ เชื่อว่าผู้อ่านและประชาชนทั่วไปคงรู้สึกหดหู่กับสภาพแวดล้อมของสังคมที่ไม่ค่อยปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งระหว่างเดินทางจะเจอกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นค่อนข้างถี่บนถนนสายหลักและสายรอง ต้องพะวงกับภัยที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันจากพวกคลั่งยา รวมถึงอาการทรัพย์จางชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นแบบน่าใจหาย “

ขณะที่เกษตรกรในต่างจังหวัดอยู่ในภาวะว่างงาน ขายสินค้าเกษตรได้ไม่คุ้มทุน ช่วงหน้าแล้งแทบจะไม่มีรายได้จุนเจือครอบครัว หลายครอบครัวสมาชิกตกเป็นทาสยาเสพติดมีแต่ความทุกข์ใจ ยิ่งถ้าติดตามข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมประเภทลักวิ่งชิงปล้นมีให้เห็นทุกวัน ที่ไม่ปรากฏเป็นข่าวมีจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะคดีขโมยรถจักรยานยนต์ เกิดขึ้นทุกวันในเขตเมือง หลายพื้นที่หัวหน้าโรงพักสั่งการให้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพราะเกรงว่าถ้าผู้บังคับบัญชามาตรวจสอบจะถูกตำหนิว่าทำไมถึงปล่อยให้คดีลักทรัพย์เกิดขึ้นมากมาย
ในจังหวะนี้กำลังเข้าสู่หน้าร้อน ถ้าย้อนเวลาอาชญากรรม จะทราบกันดีว่าช่วงเวลานี้จะเกิดคดีลักทรัพย์สูงมากโดยเฉพาะการโจรกรรมเครื่องทางการเกษตรที่เกษตรจัดเก็บไว้ที่บ้านหรือตามยุ้งข้าว หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวเรียบร้อยแล้ว บางพื้นที่ใช้วัวหรือควายไถนา จะถูกคนร้ายขโมยเช่นกัน ถ้าดูแนวโน้มของปีนี้เชื่อว่าคดีโจรกรรมเครื่องเกษตรจะพุ่งสูงขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย บวกกับสิงห์ขี้ยาในแต่ละชุมชนเพิ่มมากขึ้น ทำให้สุจริตชนอยู่ในอาการหวาดผวาไปตามๆกัน
ปัญหาอาชญากรรมเหล่านี้ตำรวจจะเป็นด่านแรกที่ชาวบ้านต้องพึ่งพา โดยเฉพาะตำรวจโรงพักที่รับผิดชอบความสงบเรียบร้อยในชุมชน เมื่อเกิดเหตุขึ้นเหยื่อจะไปแจ้งความให้ตำรวจโรงพักช่วยสืบสวนจับกุม แต่ในช่วง8-9 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านไม่ไว้วางใจตำรวจเลย โดยเฉพาะหัวหน้าโรงพักหลายแห่งเดินทางมารับตำแหน่งถือเตารีดมาด้วย หวังถอนทุนที่จ่ายเงินให้บิ๊กตำรวจที่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายแลกกับตำแหน่งหัวหน้าโรงพัก จนประชาชนไร้ความศรัทธา
ในยุคนี้การเซ๊งลี้ตำแหน่งได้หมดไปแล้ว หัวหน้าโรงพักรวมถึงตำแหน่งอื่นๆไม่ว่าจะเป็นรองผู้กำกับการ(รองผกก.)และสารวัตร(สว.)มาตามระบบและกฎกติกา ประเภทถือเตารีดมาด้วยคงหมดไป จึงทำให้เชื่อได้ว่าตำรวจโรงพักทุกตำแหน่งคงจะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา พอที่จะทำให้ชาวบ้านมีความรู้สึกว่าตำรวจพึ่งพาได้
หากมองถึงสภาพสังคมในปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ชาวบ้านต้องเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นลักวิ่งชิงปล้น ขี้ยาคลั่ง แก๊งต้มตุ๋นพุ่งเป้าไปที่ผู้สูงวัยอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพังและการแพร่ระบาดของยาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ กัญชา น้ำกระท่อม และบุหรี่ไฟฟ้า
ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นภาระหน้าที่ที่ตำรวจโรงพักต้องควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิด หนทางที่ดีที่สุดคือการป้องกัน กลยุทธ์ที่ทำได้ดีคือการวางสายตรวจลงพื้นที่ตรวจ 24 ชั่วโมง บวกกับการทำงานเชิงรุกของฝ่ายสืบสวนในการสืบสวนจับกุมคนร้าย แนวทางนี้ในอดีตค่อนข้างบรรลุเป้าหมาย แต่ปัจจุบันจะปฏิบัติให้บรรลุผลเหมือนในอดีตค่อนข้างยาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ประชาชนเพิ่มมากขึ้น กำลังพลแต่ละโรงพักยังขาด รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ขาดแคลน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเติมรถสายตรวจทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ไม่เพียงพอ ยิ่งถ้าเจอหัวหน้าโรงพักมีอาการโลภสายตรวจจะเป็นง่อยทันที ซึ่งปัญหาขาดกำลังพลและงบประมาณของสายตรวจ นายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เท่านั้นที่จะแก้ปัญหา ด้วยการผลักดันเพิ่มคนและงบประมาณแต่ต้องใช้เวลา
แต่อาชญากรที่ก่ออาชญากรรมไม่เคยมีวันหยุดพร้อมที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับสุจริตชนได้ตลอดเวลา ภาระหนักจะตกอยู่ที่ตำรวจ ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่เพียงหน่วยเดียว แม้ฝ่ายปกครองจะมีอำนาจในการป้องกันอยู่ด้วยมักผลักภาระไปให้ตำรวจ เว้นแต่ถ้าเคลียร์ผลประโยชน์นอกฎหมายไม่ลงตัวถึงจะออกมาปฏิบัติหน้าที่โชว์ศักยภาพ โดยเฉพาะจับบ่อนการพนันที่มีมาพร้อมกับเสียงนินทาว่าเจ้าของบ่อนไม่จ่ายส่วย การจับกุมจึงบังเกิด ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่ออาชญากร ตำรวจคงต้องลุยงานดังเดิมภายใต้อัตรากำลังพลที่ขาดแคลน งบประมาณไม่เพียงพอและเครื่องมือที่ใช้ทำงานมีไม่ทั่วถึง
จึงได้แต่หวังว่าตำรวจโรงพักทั่วประเทศในฐานะปราการด่านแรก จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ ชาวบ้านกระเป๋าแฟบ โจรชุมยิ่งกว่ายุง เพื่อให้ประชาชนพึ่งพาได้และช่วยฮีลใจในยามที่ต้องเผชิญกับสารพัดอาชญากรรม
หากทำได้จริงด้วยปัจจัยอันจำกันตามที่กล่าวมาถือว่าตำรวจคือผู้เสียสละที่แท้จริง ดังที่ผู้พิพากษาท่านหนึ่งกล่าวถึงตำรวจด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจว่า”สอนวิชาให้ความรู้เป็นหน้าที่ของครู รักษาผู้ป่วยเป็นหน้าที่ของหมอ ปกป้องประเทศเป็นหน้าที่ของทหาร บำบัดทุกข์บำรุงสุขเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง แต่ทุกอย่างที่กล่าวมา เป็นหน้าที่ของตำรวจ ฉะนั้นอาชีพตำรวจจึงเป็นอาชีพที่น่ายกย่องและเชิดชูเกียรติอย่างยิ่ง”!!!!
