กรุงเทพฯ วันที่ 15 มีนาคม นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีนายมาร์โค รูบิโอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออกประกาศว่าด้วยนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าเพื่อตอบโต้รัฐบาลไทย กรณีผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน ว่า นโยบายข้อจำกัดวีซ่า หรือ Travel Ban ของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อผู้บริหารไทยซึ่งน่าจะรวมถึงนักการเมืองและข้าราชการไทยที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์คืออีกหนึ่งการตอบสนองจากต่างประเทศต่อการตัดสินใจที่ไร้ซึ่งจุดยืนทางการทูตตามหลักสากลของไทย “สหรัฐฯ คืออีก 1 ประเทศต่อจากสหภาพรัฐสภายุโรปที่ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อไทยในการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ 40 คน กลับจีน”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า นโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าของสหรัฐฯ นี้เป็นตามมาตรา 212(a)(3)(C) แห่งรัฐบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (Immigration and Nationality Act) จำกัดเกี่ยวกับวีซ่ากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน ซึ่งอาจรวมถึงสมาชิกครอบครัวของเจ้าหน้าที่ต่างชาตินี้ด้วย
“ที่เคยเสนอไปครับประเด็นอุยกูร์นี้คือประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ มันจะกระทบการเมืองภาพใหญ่จริงๆ หากไทยเราไม่มีจุดยืนทางการทูตตามมาตรฐานสากล จริงๆ เราไม่ต้องเลือกข้างหรอกครับว่าจะเข้าข้างประเทศใดอย่างออกหน้าออกตา เราเลือกได้ครับ ยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม มันจะเป็นเกราะป้องกันเราเอง”

นายกัณวีร์ กล่าวว่า มาตรการจำกัดการเข้าประเทศนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออก เคยออกเมื่อช่วงสงครามเย็นและ 9/11 ต่อเจ้าหน้าที่รัฐของต่างชาติที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง รมว.กต.สหรัฐฯ สามารถปฏิเสธการเข้าประเทศของบุคคลได้ หากเห็นว่าการเดินทางเข้าหรือกิจกรรมที่วางแผนไว้ของบุคคลนั้นอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อการต่างประเทศของสหรัฐฯ อย่างร้ายแรง
“อีกอย่าง โดยส่วนใหญ่ travel ban นี้ มีแต่กลุ่มก่อการร้าย กองกำลังชนกลุ่มน้อยหัวรุนแรง และ จนท.รัฐเผด็จการต่างๆ และตอนนี้ผู้บริหารรัฐบาลและข้าราชการของไทย โดนลด teir ไปอยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว รอดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปครับ” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ