“ กลายเป็นดราม่าสนั่นวงการลูกหนังไทย เมื่อ”นวลพรรณ ล่ำซำ หรือมาดามแป้ง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หลั่งน้ำตาบนเวทีแถลงผลงาน 1 ปี บอกให้สังคมรับทราบว่าในยุคที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เป็นนายกสมาคมฯทิ้งหนี้สินไว้ โดยเงินในบัญชี ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันที่มาดามแป้ง เข้ารับตำแหน่งมี 27.7 ล้านบาท และหนี้สิน 132.6 ล้านบาท“

มาดามแป้ง แถลงถึงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน)เป็นฝ่ายชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ ทำให้สมาคมฯต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนโตจำนวน 360 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย
“พล.ต.อ.สมยศ ไปกู้ยืมเงินจากทางฟีฟ่าอีก 155 ล้านบาท ทำให้ฟีฟ่าต้องหักเงินสนับสนุนจากสมาคมฯเพื่อชดใช้หนี้ ถึง ปี 2573 “นางนวลพรรณระบุและว่า พล.ต.อ.สมยศ รับเงินเดือนทั้งการเป็นนายกสมาคมฯและประธานไทยลีกฯรวมเดือนละ 1 ล้านบาท อดีตนายกสมาคมฯบอกว่า บริจาคคืนให้สมาคมเรียบร้อยแล้ว แต่ทุกวันนี้ทางทีมบัญชีหาหลักฐานคืนเงินไม่เจอ
ในวันที่ 14 มีนาคม มาดามแป้ง เรียกประชุมสภากรรมการฯแบบเร่งด่วน ขออนุมัติฟ้องไล่เบี้ยอดีตนายกสมาคมฯและผู้บริหารชุดเดิม กรณีแพ้คดีบริษัทสยามสปอร์ตฯ ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการฟ้องไล่เบี้ยได้
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ ส่งหนังสือ มาดามแป้ง ขอทราบรายละเอียดการรับเงินเดือนจากสมาคมฯและบริษัทไทยลีกฯ จำนวน 32 ล้านบาท และขอรับเอกสารที่มีการจ่ายเงินเดือน ในช่วงระยะที่ดำรงตำแหน่ง พร้อมขอคัดถ่ายเอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่ออกโดยสมาคมฯและบริษัทไทยลีกฯ
“ผมส่งหนังสือขอเอกสารดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ทวงถามความคืบหน้าไป ยังไม่ได้รับการตอบรับจากสมาคมฯ “พล.ต.อ.สมยศระบุในจดหมายและว่าได้บริจาคเงินที่ได้รับจากสมาคมฯและบริษัทไทยลีกฯไปหลายครั้ง อาทิเดือนมิถุนายนปี 2560 จำนวน 1,020,000 บาท ปี 2561 เดือนสิงหาคม 1.6 ล้านบาท และเดือนตุลาคม 3.6 ล้านบาทเป็นต้น
ถ้าดูจากข้อมูลที่ทั้งมาดามแป้ง และ พล.ต.อ.สมยศ นำเสนอเชื่อว่าจะกลายเป็นหนังยาวที่ต่างๆฝ่ายต่างงัดหลักฐานมาสู้กัน ผลจะลงเอยอย่างไรสุดจะคาดเดา
แต่ที่หยิบมาเขียนถึงเพราะนับแต่วันแรกที่มาดามแป้ง รับตำแหน่งนายกสมาคมฯ “จอมมารน้อย” เกิดมโนภาพว่าวงการฟุตบอลต้องโตแบบก้าวกระโดดและฝันจะได้เห็นบอลไทยไปบอลโลก เพราะเชื่อในฝีมือความเป็นนักบริหารมืออาชีพที่บริหารธุรกิจประสบผลสำเร็จอย่างสูง มีทรัพย์สินนับหมื่นล้านบาท แถมมีประสบการณ์บริหารสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทยมาด้วย
บวกกับคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ ระหว่างแถลงถึงผลงานตลอด 8 ปี ที่ดำรงตำแหน่งว่า ”ผมยังมีเวลาในหน้าที่อีกหลายเดือนช่วงเวลานี้จะสะสางงานและทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อส่งมอบให้ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป จะได้ไม่ต้องมานับหนึ่งใหม่ มารับช่วงการทำงานที่มีข้อมูลและสิ่งต่างๆที่ผมได้ทำไว้ให้หมดสิ้นแล้ว แค่เข้ามาบริหาร”
เมื่อมาดามแป้ง รับตำแหน่งอย่างเต็มตัว รู้สึกเกิดความมั่นใจที่มีนักบริหารมืออาชีพ เข้ามาเป็นผู้นำต้องได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแน่ๆ แต่พอถึงวันแถลงผลงานครบ 1 ปี กลายเป็นดราม่าสนั่นวงการฟุตบอลเพราะมีการแฉว่าสมาคมฯเป็นหนี้ก่อนโต
“จึงทำให้อดสงสัยไม่ว่าในช่วงที่ส่งมอบตำแหน่งกันนางนวลพรรณและทีมงานไม่ได้ตรวจสอบดูหรือว่าสมาคมฯมีหนี้จำนวนเท่าใด และมีหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ ?
แม้”จอมมารน้อย”จะไม่ใช่นักบริหาร แต่จากประสบการณ์ในสนามข่าวมีโอกาสทำข่าวการส่งมอบตำแหน่งของหัวหน้าส่วนราชการไม่ว่าจะเป็น ผบ.ตร. ผบ.ทบ. ผบ.สส. ปลัดกระทรวงฯบางกระทรวง และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ระหว่างส่งมอบงานกันทีมงานทั้งสองฝ่ายจะตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดว่าในหน่วยมีปัญหาอะไรบ้าง มีคดีความที่ถูกฟ้องร้องหรือไม่ ถ้ามีอยู่ที่ศาลไหน ระหว่างที่ส่งมอบผู้ที่จากไป จะบอกกับผู้มาใหม่ว่าหากติดขัดอะไร สามารถจะประสานขอความร่วมมือเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาได้
จากกรณีดังกล่าวนำมาเทียบเคียงกับการส่งมอบตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯน่าจะไม่แตกต่างกัน ช่วงที่ มาดามแป้ง รับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.อ.สมยศ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และในความเป็นจริงหลังรับตำแหน่งสัก2-3 เดือน มาดามแป้ง น่าจะมองออกว่าจะเกิดปัญหาอะไรบ้าง ในฐานะที่เป็นนักบริหารมืออาชีพและมีประสบการณ์บริหารสโมสรฟุตบอลมาด้วย ต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขแล้ว
แต่พอแถลงผลงาน 1 ปี กลับมีดราม่าดังสนั่นว่าต้องแบกหนี้ก้อนโต จึงทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีวาระอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ ? ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าเป็นนักบริหารมืออาชีพจริงเขาไม่ทำกันหรอก เพราะถูกสังคมดูแคลนได้ !!!
