“นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ย้ำ รบ.สร้างโอกาสลงทุนต่อเนื่องทุกมิติ ล่าสุดบีโอไอส่งเสริมการลงทุนแล้ว 1.13 ล้านล้าน ทุบสถิติรอบ 10 ปี

260

ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก วันที่ 12 มี.ค. เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเผยแพร่ยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการลงทุน ในหัวข้อ “Ignite Thailand : Invest in Endless Opportunities โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า สถานการณ์การลงทุนและเศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบันมีความท้าทายเป็นอย่างมาก การลงทุนใหม่ ๆ เรัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่านี้ โดยพยายามดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประเทศ “ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องพยายามเปลี่ยนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกให้เป็นโอกาสของประเทศให้ได้ การที่จะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รัฐบาลมีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลกให้รับรู้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน เป็นประเทศแห่งโอกาส มีความพร้อมทั้งด้านทรัพยากรและศักยภาพของบุคลากร โดยรัฐบาลต้องสร้างโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนทั่วโลกเห็นว่าการลงทุนในประเทศไทยมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า”

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ เช่น รถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่ เพื่อเพิ่มการเชื่อมการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวให้กับประเทศ  นอกจากนี้ยังได้เริ่มโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และขยายการใช้บริการของท่าอากาศยานทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค โครงการแลนด์บริดจ์ซึ่งจะเชื่อมต่อทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค โครงการนี้ได้รับความสนใจจากผู้นำของประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก หากโครงการนี้สำเร็จจะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจมากมายให้กับประเทศไทย ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การค้า และการสร้างงาน

น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และอากาศยานของภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการค้าและการลงทุนของประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งนอกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและธุรกิจแห่งอนาคต เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ โดยรัฐบาลออกนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร โดยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัล และดึงดูดบุคลากรจากทั่วโลกเข้ามาทำงานในประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรไทย พร้อมทั้งวางแผนที่จะผลิตบุคลากรด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้นมากกว่า 80,000 คน

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้ง่ายและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและสร้างระบบบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว โดยล่าสุด ประเทศไทยได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งเสริมการลงทุน มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ได้ทำงานอย่างหนักในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับภาคการผลิตของประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ อาทิ ภาคเกษตร อาหาร บริการ ท่องเที่ยว และการแพทย์ ได้มีการเตรียมความพร้อม เพื่อยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้ โดยใช้การผสมผสานเทคโนโลยีและภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของไทย เน้นการสร้างความเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของไทยสามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย รัฐบาลได้ผลักดันการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำยิ่งขึ้น อาทิ เทศกาลมหาสงกรานต์โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเผยแพร่แผนที่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั่วประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีทางเลือกที่หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลัก