”กองทุนประกันสังคม”เหยื่อโอชะ ที่”นักการเมือง-ขรก.”รุมกันเขมือบ ร่วมหนุน”รักชนก-บอร์ดก้าวหน้า”สกัด

565


  “        เชื่อว่าผู้ใช้แรงงานหรือมนุษย์เงินเดือน รู้สึกขอบคุณ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชนและคณะก้าวหน้าในฐานะบอร์ดประกันสังคม ที่แฉข้อมูลการใช้งบประมาณจากกองทุนประกันสังคม แบบไม่คุ้มค่าส่อไปในทางทุจริตของผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง ข้าราชการและบอร์ดชุดต่างๆ จากความเคลื่อนไหวแบบเกาะติดทำให้เห็นพฤติกรรมแกล้งโง่เพื่อปัดสวะให้พ้นตัว ของนักการเมือง บิ๊กข้าราชการ และบอร์ดที่เกี่ยวข้องบางคน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

        หากผู้ประกันตนในฐานะเจ้าของเงินติดตามความเคลื่อนไหวของ น.ส.รักชนกและทีมงานอย่างเกาะติด จะทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า กองทุนประกันสังคมที่ต้องเจียดเงินเดือนส่งเป็นเงินสมทบมานานนับสิบปี ถูกบรรดานักการเมือง บอร์ดคณะต่างๆที่รัฐบาลแต่งตั้งเข้ามา และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง แวะเวียนกันมาใช้ช่องว่างกฎหมายและระเบียบ รุมเขมือบมาอย่างยาวนาน แบบบุฟเฟ่ต์คาบิเนต

       ซึ่งข้อมูลที่น.ส.รักชนกและบอร์ดคณะก้าวหน้านำออกมาแฉนั้น เชื่อว่าผู้ประกันตนร้อยละ 90 ไม่ทราบมาก่อนว่ามีเงินกองทุนประกันสังคมจะถูกถลุงหนักในหลากหลายรูปแบบ อาทิงบจัดทำปฏิทิน งบดูงานของบอร์ดคณะต่างๆ หรือโครงการพัฒนา แอพพลิเคชั่น
SSO+ งบประมาณ 276 ล้านบาท เป็นงบฯที่รวมถึงการจัดทำระบบ เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากACTAIพบว่าจัดซื้อจัดจ้างมีความผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งมีการชี้แจงจากผู้เกี่ยวว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่บอกว่าคุ้มค่ากับงบประมาณหรือไม่ ?


      การเคลื่อนไหวของ น.ส.รักชนกและทีมงานได้รุกคืบถึงการใช้เงินกองทุนประกันสังคมนำไปลงทุนแบบไม่คุ้มค่าพร้อมตั้งคำถามว่าเป็นการลงทุนแบบจงผิดพลาดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือไม่ นั่นคือการใช้เงินถึง 7,000 ล้านบาทซื้อตึกสูงเสียดฟ้าย่านพระราม 9 ทั้งที่มีมูลค่าแค่3,000 ล้านบาท ช่วงปี 2565-2566 ซึ่งเป็นตึกเก่าช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 มีบริษัทแห่งหนึ่งซื้อตึกไปปรับปรุงเมื่อปรับปรุงเสร็จ เป็นช่วงที่สำนักงานประกันสังคม(สปส.)ปรับแก้ระเบียบต่างๆจึงตัดสินใจลงทุนพร้อมกับเขียนแผนงานอย่างสวยหรู

      ส่งผลให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าไม่ทราบว่ามีการซื้อตึกเพิ่งมาทราบตอนที่ น.ส.รักชนก ออกมาเคลื่อนไหว เพราะตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม รัฐมนตรีไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยวแม้กระทั่งรับรู้และไม่มีสิทธิ์ไปแต่งตั้งบอร์ดต่างๆ จนเมื่อเลขาธิการสปส.พิจารณาแล้วเสร็จ

     จากคำชี้แจงของนายสุชาติ เชื่อว่าวิญญูชนพอประเมินได้ว่ามีน้ำหนักพอที่จะปัดไปว่าเงิน 7,000 ล้านบาทที่จ่ายไปนั้นรัฐมนตรีไม่เกี่ยว แถมเพิ่งรู้ได้ว่ามีการซื้อตึกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 นี่เอง

        แต่ความเคลื่อนไหวของน.ส.รักชนกและทีมงานยังเดินหน้าต่อด้วยการยื่นเรื่องนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกะทรวงแรงงาน ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งนายพิพัฒน์บอกว่าอยู่ในอำนาจของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน

       จึงไม่แน่ใจว่านายอนุทิน เกรงจะถูกกดดันจากผู้ประกันตนมีจำนวนนับสิบล้านคนหรือกลัวนายพิพัฒน์จะตกเป็นจำเลยสังคม เพราะเพียงชั่วข้ามคืน มีคำสั่งตั้ง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้งบประมาณของ สปส. 7,000 ล้านซื้อตึก พร้อมกำชับให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด

      นอกจากผลงานดังกล่าวแล้วยังมีข่าวดีของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 ที่สำนักงานประกันสังคมและบอร์ดฯ คิดสูตรบำนาญชราภาพแบบเอาเปรียบมานาน ได้เห็นชอบในหลักการปรับสูตรชราภาพเป็นสูตรCARE ตามข้อเสนอของบอร์ดฯคณะก้าวหน้า ทำให้ผู้ประกันตนจะได้บำนาญเพิ่มขึ้นคาดว่าจะมีผลในเดือนมกราคม 2569

      ผลจากการเคลื่อนไหวของน.ส.รักชนกและคณะก้าวหน้ารวมถึงส.ส.ในพรรคประชาชน ปลุกให้ผู้ประกันตนที่ไม่ค่อยใส่ใจกับเงินที่ส่งไปสมทบว่าจะถูกถลุงไปมากแค่ไหน หันมาสนใจเพื่อที่จะปกป้องสิทธิของตัวเองเพิ่มขึ้นจำนวนมาก พอที่จะกดดันให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและบอร์ดประกันสังคมที่แทบจะไม่เคยเห็นหัวผู้ประกัน ต้องเร่งปรับตัวตอบสนองในทันทีด้วยการรับคิดสูตรบำนาญแบบใหม่และตั้งกรรมการสอบปมใช้เงิน 7,000 ล้านบาท ซึ่งปัญหาการใช้งบประมาณของสปส.มีมานานเปรียบได้กับแดนสนธยาที่เจ้าของเงินแทบจะไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ ถูกตีแผ่ให้สังคมได้รับทราบ โดยมี น.ส.รักชนก ทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟัน

    เมื่อผลประโยชน์ที่นักการเมืองและบิ๊กข้าราชการเวียนกันเข้ากอบโกยกำลังถูกจัดการ  อาจจะเกิดปรากฏการณ์ที่กลุ่มคนเหล่านี้เคลื่อนไหวทั้งใต้ดินและบนดิน เพื่อคุกคามหัวหมู่ทะลวงฟันและทีมงานก็เป็นได้ เพราะเมืองไทยอะไรที่ไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นได้เสมอ

     ดังนั้นเพื่อให้ทีมงานของ สส.รักชนก ศรีนอก ทำงานแบบไร้อุปสรรค ผู้ประกันตนทั่วประเทศต้องรวมพลังสนับสนุนทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สื่อโซเชียลแชร์ข่าวต่างๆ ให้รับทราบกันอย่างทั่วถึง นอกจากจะช่วยกดดันไม่ให้ฝ่ายการเมืองและข้าราชการออกอาการเฉไฉแล้ว ยังเป็นเกราะป้องกันอย่างดีให้กับน.ส.รักชนกและทีมงานได้ด้วย !!!