วันที่ 8 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลว่า พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ แขวนคอเสียชีวิต ภายในห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งหลังได้รับแจ้งเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้ว โดยขณะนี้ ศพยังอยู่ภายในเรือนจำ และอยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ แพทย์ และอัยการ เข้าตรวจสอบ หากการตรวจสอบชันสูตรแล้วเสร็จ จะส่งร่างให้ญาติกลับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในเวลาประมาณ 10.30 น. พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเดินทางไปยังเรือนจำคลองเปรม ซึ่งเป็นสถานที่คุมขัง ‘ผู้กำกับโจ้’ เพื่อไปตรวจสอบเหตุกรณีมีกระแสข่าวว่า ผู้กำกับโจ้ ฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ โดยคาดว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเป็นคนชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สำหรับ ‘ผู้กำกับโจ้’ ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาฐานก่อเหตุทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน นายจิระพงศ์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ด้วยการใช้ถุงพลาสติกดำคลุมศีรษะ จนผู้ต้องหาเสียชีวิต เหตุเกิดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2564 และถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีการให้เงินค่าปรงศพ 30,000 บาท เพื่อบรรเทาผลร้ายให้บิดามารดาผู้ตาย คนละ 300,000 บาท และช่วยปฐมพยาบาลและนำส่งไปโรงพยาบาล จนกู้สัญญานชีพกลับมาได้ จึงได้ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงโทษจำคุกตลอดชีวิต

ต่อมากรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ด่วน โดยระบุว่า ด้วยกรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางคลองเปรมว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 20.50 น. เจ้าพนักงานเรือนจำปฏิบัติหน้าที่เวรพยาบาล ได้แจ้งเหตุผู้ต้องขังเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ ข.ช.ธิติสรรค์หรือ ‘โจ้’ อุทธนผล คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ,ความผิดต่อชีวิต ,ความผิดต่อเสรีภาพ ,ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต นับตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ต้องจำมาแล้วในเรือนจำ 3 ปี 6 เดือน 13 วัน โดยรับตัวผู้ต้องขังเข้าคุมขังเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ปัจจุบันถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุม แดน 5
เรือนจำฯ ได้ตรวจสอบประวัติการรักษา พบว่า ข.ช.ธิติสรรค์ฯ มีโรคประจำตัว คือ ภาวะหัวใจสั่น (Essential tremor) มีไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) และมีอาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชวิตกกังวล (Anxiety disorder) ซึ่งได้รับการรักษาและรับยาต่อเนื่อง โดยพบจิตแพทย์ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และมีนัดพบจิตแพทย์ในเดือนเมษายน ๒๕๖๘

ขณะควบคุมในเรือนจำฯ ผู้ต้องขังมีพฤติกรรมหวาดระแวงกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย เนื่องจาก เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เรือนจำฯ จึงได้รับคำร้องของผู้ต้องขังและพิจารณาอนุญาตให้แยกการควบคุมจากผู้ต้องขังอื่น และยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในเรือนจำได้เป็นปกติ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ช่วงเที่ยงผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมเยียนจากภรรยา ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำไม่พบเหตุผิดปกติแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อเวลา 20.25 น. เจ้าพนักงานเวรรักษาการณ์ ขณะกำลังเดินไปจ่ายยาประจำตัวให้กับ ข.ช.ธิติสรรค์ฯ พบว่า ผู้ต้องขังนั่งหลังพิงกับประตูห้องขัง จึงได้พยายามเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้แจ้งพัศดีเวรฯ และพยาบาลเวรฯ เข้าเปิดห้องขังเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตามหลักวิชาชีพ แต่พบว่า ผู้ต้องขังใช้ผ้าขนหนูขนาดเล็ก ผูกคอกับประตูห้องขัง ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก ไม่รู้สึกตัว ปลายนิ้วมือซีดเขียวคล้ำ ไม่พบชีพจรบริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ
ในเบื้องต้น เรือนจำฯ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าทางเดินของห้องขังผู้ต้องขังดังกล่าว ซึ่งไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าออกห้องดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ แพทย์ เจ้าพนักงานปกครอง เพื่อดำเนินการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมทั้งจะได้เชิญญาติเพื่อรับทราบต่อไป
กรมราชทัณฑ์ อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต และขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าพนักงานเรือนจำหรือผู้ต้องขังรายใดทำร้าย ข.ช.ธิติสรรค์ฯ และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ต้องขัง
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ปรากฏโดยทันที และขอเรียนว่า เรือนจำฯได้ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัดโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) และการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนดแมนเดลา) เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ต้องขังทุกคน

