”นายกฯแจ้ส“ชี้เจ้าของสวนน้ำอย่าโทษ
12 เด็กเล่นจมน้ำตายเองควรมีความรับผิดต่อการทำธุรกิจ
วันนี้(6) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี อ.เมือง จ.ปทุมธานี นางบุญช่วย ขุนวังกรด อายุ 49 ปี และ นาย สุเทพ ขุนวังกรด อายุ 58 ปี 2 สามีภรรยา ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี หลังจากที่ลูกชาย อายุ 12 ปี(ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ได้เสียชีวิตจากการไปเที่ยวเล่นภายในสวนน้ำชื่อดัง แห่งหนึ่ง ต.บางเตย อ.สามโคก ปทุมธานี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 โดยลูกชายของตนได้จมน้ำภายในสวนน้ำซึ่งคาดว่าจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุโดยมีเจ้าหน้าที่อาสาฯร่วมปทุมฯ ให้การช่วยเหลือทำ CPR พร้อมประสาน รถบริการทางการแพทย์ขั้นสูง นำส่งรพ.ปทุมธานี และได้แจ้งว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยทางเจ้าของสวนน้ำได้เจรจาแต่คล้ายกับจะบ่ายเบี่ยง ซึ่งตนจะเผาลูกในวันที่6 มีนาคมนี้แต่เกรงว่าคดีจะไม่คืบจึงเข้าพบนายกแจ็สเพื่อขอให้ความเป็นธรรมกับตนเองและครอบครัว
หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการประสานไปยัง พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี แล้วเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ. เทพฤทธิ์ ชาวนาวิก ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรสามโคก ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้ง พา 2 สามีภรรยา ไปดูที่เกิดเหตุในบริเวณที่เกิดเหตุมีร้านกาแฟเปิดบริการขายกาแฟและ บริการสวนน้ำ ลักษณะทำเป็นภูเขาเทียมและมีช่องสไลเดอร์ออกมาโดยมีสระน้ำกว้างประมาณ1 ไร่มีจุดที่ลึกสุด1 เมตร 60 เซนติเมตร มีนาย อานนท์ ซำเผือก อายุ60 ปีอยู่บ้านเลขที่ 31/7 ม. ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี รับเป็นว่าเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวและได้มีการพูดคุยกับทาง 2 สามีภรรยา ไปแล้วแต่ยังรับข้อเสนอไม่ได้ และเล่าเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุว่า ตนเองได้รับแจ้งจากการ์ด ที่ดูแลในสวนน้ำว่ามีเด็ก จมน้ำ หมดสติ ตนเองจึงได้รีบให้การ์ดเข้าทำ CPR และประสานขอให้ทางเจ้าหน้าที่กูภัยช่วยเหลือ ซึ่งดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว เห็นมีเด็กผู้ชาย ลักษณะผอม เป็นคนผลักเด็ก 12 ปี จนจมน้ำตนเองได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ตอนนี้ ไฟล์ในกล้องวงจรปิดเสียเนื่องจากมีการเปิดซ้ำไปซ้ำมา จนไฟล์ล๊อคไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีเด็กเล่นด้วยกันอยู่หลายคนแต่ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเหลือเด็กที่เสียชีวิตและเด็กทำไมไม่พยายามร้องขอให้ใครช่วย ตนลงทุน 20ล้านในการทำธุรกิจตรงนี้ก็เสียหายต้องปิด แต่ก็ได้มีการเจรจาเบื้องต้นกับพ่อแม่เด็กเรื่องการบรรเทาความเดือดร้อนที่มากเกินไป ซึ่งพล.ต.ท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็พยายามแจ้งให้เข้าใจถึงความเสียหายของพ่อแม่เด็กด้วยไม่ใช่พูดแต่เอาความเสียหายของตนเองเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งถามถึงการวางระบบป้องกันการช่วยเหลือต่างๆว่าทำถูกต้องหรือไม่ทั้งนี้ขอให้ตำรวจดำเนินการอย่างยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
ด้าน นางบุญช่วย ขุนวังกรด อายุ 49 ปี มารดาของเด็กที่จมน้ำเสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายได้มาขอไปเที่ยวสวนน้ำกับเพื่อนรุ่นน้อง ตนเองก็เห็นว่าใกล้บ้านจึงอนุญาต โดยมีนาย สุเทพ ขุนวังกรด อายุ 58 ปี บิดาขับรถมาส่ง พอมาถึงสวนน้ำ ลูกชายก็ลงรถ ไปกับเพื่อน ส่วนพ่อของเด็กก็ถอยรถชนกับเสาไฟ เป็นเหมือนลางบอกเหตุ พอกลับมาถึงบ้าน ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาแจ้งว่าลูกชายตนเองจมน้ำ หมดสติ ตนเองและสามีจึงรีบเดินทางไปที่สวนน้ำดังกล่าว พบ เจ้าหน้าที่กู้ชีพกำลัง ทำ CPR ลูกชายอยู่ ซึ่งลักษณะของลูกชายปากเขียว ไม่มีชีพจร จนต้องส่งตัวไป รพ.ปทุมธานี เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่ลูกชายก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเหตุเกิดประมาณ 10.30 ของวันที่ 3 มีนาคม 2568 ตอนนั้น คนดูแลสวนน้ำบอกไม่ต้องแจ้งความเดี่ยวจะรีบแจ้งกู้ภัยมาช่วย ตนเองก็ตกใจมากทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงช่วงบ่าย 2 แล้วจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.สามโคก เมื่อตำรวจได้รับแจ้งความจึงลงพื้นที่ตรวจสอบสวนน้ำแต่ไม่พบอะไรเนื่องจากเกิดเหตุผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ของสวนน้ำก็ไม่ให้ภาพจากกล้องวงจรปิดกับเจ้าที่ตำรวจด้วย
ทางด้านพลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เรื่องของเหตุครั้งนี้ ตนเองได้เข้าไปดูมาเมื่อวันที่5 ทุกฝ่ายต้องได้รับความเป็นธรรม ทางสวนน้ำก็ต้องให้ความร่วมมือกับทางชุดสืบสวนเพื่อตามหาความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ใช้อ้างว่า มีเด็กมาผลัก จนเด็ก 12 ปีจมน้ำ คุณมีวงจรปิดก็ส่งให้กับทางตำรวจ ไม่ใช่พยายาม ไกล่เกลี่ยกันเอง นึกถึงใจเข้าใจเรา ไม่ใช่คุณจะมาร้องบอกตนเองเสียหาย ลงทุนไป 20 กว่าล้าน สวนน้ำต้องถูกปิด ก็ทำให้ความจริงมันเปิดเผยออกมา ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุจริง คุณก็พ้นมณทิน สวนน้ำคุณก็เปิดต่อไปได้ เรื่องแบบนี้ ควรมีมนุษยธรรม เห็นใจฝ่ายที่เสียชีวิตด้วยเขาขอค่าชดเชย 1 ล้าน คุณต่อ 4 แสน บอก 1 ล้านจ่ายไม่ไหว เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแต่อย่างไรก็ดี ได้กำชับตำรวจให้ทำงานอย่างโปร่งใส่ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้วย
