วาระชาติปราบยา รบ.อุ๊งอิ๊ง 6 เดือนยังอืด-เน้นจัดอีเว้นท์..? ยอดจับตัวเลขพุ่งแต่ราคายังถูก

561


          นับแต่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประกาศการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน เน้นแก้ปัญหายาเสพติดแบบเด็ดขาด ครบวงจร ทั้งตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ยึดทรัพย์ผู้ค้าและนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด เป็นระยะเวลา 6 เดือนแล้ว

          มีการจับกุมยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก ขอยกผลการจับกุมของกองบัญชาตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)ช่วง 1 ตุลาคม-ปัจจุบัน จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้ 524 คดี ผู้ต้องหา 520 คน ยึดยาบ้า 134,797,295 เม็ด ยาไอซ์ 11,313 กิโลกรัม เฮโรอีน 107 กิโลกรัม คีตามีน 509 กิโลกรัม และยาอี 575 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์ 1,384,689,753 บาท ผลงานแค่หน่วยเดียวใน 5 เดือนยึดยาบ้ากว่าร้อยล้านเม็ด ยังไม่รวมของตำรวจหน่วยอื่น หรือทหาร ฝ่ายปกครอง และป.ป.ส. แต่ละหน่วยจับกุมได้จำนวนมากเช่นกัน

     แต่เมื่อมองถึงความเป็นจริงจะย้อนแย้งกัน เพราะทุกครั้งที่ตำรวจจับกุมผู้เสพได้สารภาพว่าซื้อยาบ้าในราคา 20-40 บาทเท่านั้น  ผู้เสพบางคนมีฐานะบอกว่าซื้อตุนไว้เสพครั้งละ 80-100 เม็ด การยึดของกลางได้จำนวนมากไม่ได้สะท้อนว่าราคาสูงขึ้นแต่อย่างใด

    แม้ผลงานการสืบสวนจับกุมยึดของกลางจำนวนมาก แต่พวกขี้ยามิได้ลดลงตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดแต่อย่างใด แถมมีอาการคลุ้มคลั่งปรากฏเป็นข่าวรายวัน ไม่ว่าจะคลั่งยาฆ่าพ่อฆ่าแม่และญาติพี่น้อง หรือข่าวพ่อคลั่งยาทำร้ายลูก หรือพ่อสุดทนลูกขี้ยาคว้ามีดฟันดับเป็นต้น

  ขณะเดียวกันยาเสพติดแพร่ระบาดเข้าสถานศึกษาทุกระดับรวมถึงวัดเกือบทุกแห่ง ปรากฏข่าวรายวันเช่นกันที่ตำรวจบุกจับพระพี้ยา บางรูปยึดกุฏิเป็นที่จำหน่าย หรือนักเรียนชั้นประถม มัธยมและอุดมศึกษา ตกเป็นทาสยาเสพติดกันจำนวนมาก จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษาระบุว่าเด็กนักเรียน 18 เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศติดบุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม ยาบ้าและกัญชา

   “จอมมารน้อย”เขียนถึงประเด็นนี้อยากให้รัฐบาลเร่งจัดการเป็นรูปธรรมเสียที เวลาผ่านมา 6 เดือนแล้วความรู้สึกของประชาชนยังสัมผัสไม่ได้เลยว่ายาเสพติดลดลง ยิ่งพรรคเพื่อไทยมารัฐบาลโดยมีนายทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกฯคอยเป็นกุนซือ ประชาชนต่างคาดหวังว่านายทักษิณ จะผลักดันให้รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจังเหมือนที่นายทักษิณเป็นนายกฯ

   พ่อแม่สิงห์ขี้ยาสะท้อนว่า รัฐบาลชุดนี้มีแต่ผลจับกุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดอีเวนท์สร้างภาพ เคยส่งลูกไปบำบัดหลายครั้งกลับมาไม่ถึง 2 วัน ไปเสพเหมือนเดิม

  ขณะที่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดยาเสพติดบอกว่า หากรัฐบาลจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้บรรลุเป้า ต้องให้เจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เอกซเรย์พื้นที่นำขี้ยาในชุมชนเข้าบำบัด พวกสมัครใจให้ใช้ศูนย์บำบัดของรัฐที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่พวกไม่สมัครใจต้องใช้กลไกกฎหมายบังคับแล้วขอให้กระทรวงกลาโหมสั่งการให้ค่ายทหารทุกค่ายรับขี้ยาเหล่านี้เข้าบำบัดอย่างเข้มงวด

   “ระหว่างการบำบัด นายกรัฐมนตรีต้องลงไปกำชับมอบนโยบายให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และทหารลุยปราบปรามอย่างเฉียบขาดเหมือนยุครัฐบาลทักษิณ พ่อค้าคนไหนไม่ไหวเครือข่ายเยอะส่งไปให้เกิดใหม่ เมื่อปราบปรามแก๊งค้ายาราบคาบแล้ว สภาพแวดล้อมเดิมๆจะหายไป ขี้ยาที่ผ่านการบำบัดเมื่อกลับสู่ชุมชนพบว่าสภาพแวดล้อมที่เคยมีแต่พ่อค้ายาบ้าหายไป ยาเสพติดหาซื้อยากและราคาแพงลิ่ว โอกาสขี้ยาจะกลับมาเสพอีกแทบจะไม่มี หากรัฐบาลสามารถทำได้แบบนี้เชื่อว่านโยบายปราบยาเสพติดบรรลุเป้าอย่างแน่นอน แต่นายกรัฐมนตรีต้องใจแข็งและพร้อมที่จะเป็นกำแพงให้เจ้าหน้าที่ยืนพิงอย่างไม่หวั่นไหว เพราะขบวนค้ายาเสพติดในประเทศไทยใหญ่เกินกว่าจะให้เจ้าหน้าที่สู้แบบโดดเดี่ยว”เจ้าหน้าที่คนเดิมระบุ

   ส่วนการจัดการกับเยาวชนครูโรงเรียนแห่งหนึ่งบอกว่าสถานศึกษาและวัดเป็นจุดเปราะบางที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่คาดคิดว่าจะแพร่ระบาดมากนัก แต่ความเป็นจริงแล้วมีตัวเลขที่หน้าใจหายถ้ารัฐบาลเอาจริงและสังคมไม่ดัดจริต ควรจะเอ็กซเรย์ในสถานศึกษาและวัดก่อน ระดมตรวจปัสสาวะของนักเรียน นักศึกษาและพระสงฆ์ หากพบนำเข้าบำบัดทันที เข้มงวดในทุกกระบวนการและทำไปพร้อมๆกับการปราบปรามผู้ค้าอย่างเฉียบขาด เชื่อว่าแนวทางนี้น่าจะบรรลุผลเช่นกัน

     จากข้อมูลที่นำเสนอ”จอมมารน้อย”ไม่ได้คาดหวังว่ารัฐบาลจะนำไปปฏิบัติ แต่นำเสนอเพียงเพื่อสะท้อนว่านโยบายปราบปรามยาเสพติดที่ยกเป็นวาระแห่งชาตินั้น 6 เดือนแล้ว ความรู้สึกของประชาชนยังสัมผัสไม่ได้เลยว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดลดลงแต่อย่างใด

    ขอฝากถึงรัฐบาลว่าอย่ามัวแต่เล่นเกมการเมืองเพื่อชิงความเป็นได้เปรียบเหนือพรรคร่วมรัฐบาลอยู่เลย ควรหันมาเร่งจัดการแบบเดียวกับที่ลุยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยเถอะ เพราะทุกครอบครัวที่สมาชิกตกเป็นทาสยาต่างเฝ้ารอด้วยความหวังว่ารัฐบาลช่วยถอนความทุกข์ใจให้ !!!