ที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ 27 ก.พ. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวง กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้มีข้อสั่งการไปยังทุกผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ให้ยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด และการจัดระเบียบสังคม ตลอดจนการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมตามแนวชายแดนควบคู่ไปด้วย อาทิ การค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นภารกิจปฏิบัติการภายใต้กรอบแนวคิด Seal พื้นที่ชายแดน Stop หยุดวงจรยาเสพติดอาชญากรรมชายแดน Safe พื้นที่ปลอดภัย
สำหรับข้อสั่งการครั้งนี้ สืบเนื่องจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดเชิงรุกของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งนำไปสู่ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดปฏิบัติการดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 68 พร้อมมอบนโยบายในการดำเนินงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความเข้าใจในการปฏิบัติงานและสามารถเร่งรัดการดำเนินงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อสั่งการของนายอนุทิน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดดำเนินการดังนี้ 1. ให้ทุกหน่วยงานเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายในทุกกรณีที่เป็นกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในพื้นที่ โดยเน้นการจัดระเบียบสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนโดยใช้กลไกชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองทุกจังหวัด/อำเภอ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในการหาข่าว/เบาะแสเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดและการยึดอายัดสิ่งของผิดกฎหมายทุกประเภท รวมถึงการตรวจตรากลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศ โดยขอให้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) หรือหลักฐานการมีสิทธิ์อยู่หรือทำงานในประเทศให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
2 เน้นย้ำหน่วยงานในพื้นที่ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการสาธารณูปโภคภายในจังหวัด ประกอบด้วย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ตรวจสอบการจำหน่ายไฟฟ้าและประปาในพื้นที่ไม่ให้ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ สนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย 3. ให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ เมียนมา และลาว รวมทั้งพื้นที่14 จังหวัด 51 อำเภอ ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดน ทั้งจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า จุดผ่อนปรนพิเศษ จุดผ่านแดนชั่วคราว จุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว และช่องทางธรรมชาติ โดยเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการตรวจค้นยาเสพติด สิ่งของ ยานพาหนะ หรืออุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทในการเดินทางเข้าออกประเทศ และ 4. จัดให้มีระบบการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อนำผลการปฏิบัติงานมาใช้ในการพิจารณามาตรการความดีความชอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

