ที่ศูนย์สื่อมวลชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจษฏา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กรุงเทพฯ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีตำรวจก่อเหตุชนรถพยาบาล ขณะกำลังนำส่งผู้ป่วยท้องแก่ เป็นเหตุให้พยาบาลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย โดย นายเจษฏา มองว่า ร้อยตำรวจเอกเดชา เปรียบสม รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ตำรวจที่ก่อเหตุในคดีนี้ ขับรถที่ไม่ติดป้ายทะเบียน อีกทั้งไม่ยอมตรวจวัดแอลกอฮอล์ในวันเกิดเหตุ จึงเกรงว่า จะส่งผลต่อหลักฐานในคดี และตำรวจอาจช่วยเหลือกันเอง ทำให้ญาติผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม

พลตำรวจตรีมนตรี ยิ้มแย้ม

 

นายเจษฎา แย้มสบาย ระบุว่า ต้องการให้กฎหมายมาตรา 144 ที่กำหนดให้ผู้ที่ไม่ยอมเป่าวัดระดับแฮลกอฮอล์และไม่เจาะเลือดในวันเกิดเหตุให้ถือว่าเป็นผู้เมาแล้วขับ และต้องมีผลบังคับใช้ทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในเหตุการณ์นี้ทางผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ จึงทำให้ทางเครือข่ายกังวลว่าทางผู้เสียหายและครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ขณะที่นางกัญญานันท์ ตาทิพย์ ตัวแทนเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน กล่าวว่า ในการเดินทางมาวันนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อมั่นในการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เพียงแค่ต้องการให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดคดี เนื่องจากผ่านมา8 วัน แล้ว แต่ทางคดียังไม่มีความคืบหน้า และต้องการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการเมาแล้วขับในการแจ้งข้อหากระทำโดยประมาท เปลี่ยนเป็นกระทำโดยเจตนา เนื่องจากเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้เสียหายเป็นอย่างมาก โดยนางสาวสุดารัตน์ เชื่อมาก พยาบาลที่เสียชีวิต พึ่งเรียนจบมาได้ 2 ปีและเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนพยาบาลอีกคนที่บาดเจ็บสาหัส เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกเล็กวัย 6 ขวบเพียงลำพัง

ด้านพลตำรวจตรีมนตรี ยิ้มแย้ม รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวทาง พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับว่าต้องทำให้เกิดความกระจ่างในคดีนี้ และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด และหากพบผู้ที่เกี่ยวข้องมีการทำผิดวินัย หรืออาญา ก็จะมีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ไม่มีการข่วยเหลือใดๆ ซึ่งตนเองสั่งการให้ทางพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ส่งรายงานทั้งหมดมาให้ตนภายในสัปดาห์นี้ และตนเองจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบคดีด้วยตนเอง