ที่สำนักงานป้องกันและกราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง) พันตำรวจโทสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาลเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ รองโฆษกป.ป.ง. โดยมีร้อยตำรวจเอกไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรม ป.ป.ง. เป็นผู้รับหนังสือ
พันตำรวจโทสันธนะกล่าวว่า วันนี้ตนได้มายื่นให้ตรวจสอบ ต่อเนื่องจากที่ผ่านมาที่ตนเองได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพลตำรวจตรีสุรเชษฐ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไว้ที่สน.ปทุมวัน ในความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการ และผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา157 โดยทางสน.ปทุมวันได้รับเป็นคดีอาญาเลขที่ 1078/2561 ไว้แล้ว ซึ่งในส่วนของการตรวจสอบธุรกรรม ตนเองจึงได้มายื่นให้ทางป.ป.ง. ให้ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินโดยตรงอีกครั้ง
ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมานายพิระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ รองโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ป.ป.ง. ได้ระบุกับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว ว่าการตรวจสอบทรัพย์สินของทาง พลตำรวจตรีสุรเชษฐ ยังไม่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ง. เพราะการที่ ป.ป.ง. จะตรวจสอบบัญชีใครได้นั้น ต้องได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งคดีนั้นๆก่อน ซึ่งการออกมาระบุเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้แก่สังคมและประชาชนทั่วไป เนื่องจากระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมฯ ต้องดำเนินการตรวจสอบภายใน 3 วัน หลังได้รับแจ้งเรื่อง ซึ่งตนเองก็ได้แนบเอกสารระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมมาด้วย ซึ่งตนเองอยากป.ป.ง. ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าใครก็ตามที่พบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน สามารถเป็นแจ้งเองไม่ว่าจะในลักษณะใดก็ตาม
ทั้งนี้การที่ รองโฆษกป.ป.ง.ออกมาระบุในลักษณะดังกล่าวเป็นการเอาใจใครหรือเปล่าตนไม่ทราบ แต่ตนเองมองว่าจะเป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน จึงอยากให้ทางเลขาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินช่วยพิจารณาลงโทษ หากพบว่ารองโฆษก ป.ป.ง. มีทำความผิดในกรณีนี้
