เชียร์ ตำรวจนครบาล จัดโครงการ”เป่าก่อนขับ กลับปลอดภัย”แนะตร.ผลักดันทำทั่วประเทศ

835


   “      อ่านข่าว พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)รับผิดชอบงานจราจร เป็นประธานปล่อยแถวกิจกรรม”เป่าก่อนขับ กลับปลอดภัย”มีตำรวจจราจรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ(สสส.)และมูลนิธิเมาไม่ขับ เข้าร่วมกิจกรรม บริเวณทางเข้าซอยอาร์เอซีเอ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ช่วงค่ำวันที่ 13 กุมภาพันธ์

             พล.ต.ต.ธวัช บอกว่าเป็นมาตรการรณรงค์เชิงรุก ผู้มาเที่ยวสถานบริการเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องขับรถกลับบ้านแล้วเกิดอุบัติเหตุเพราะมีเมาสุรา การรณรงค์ไม่ต้องการกวดขันหรือเพิ่มยอดจับกุม แต่เป้าหมายคือต้องการสื่อสารเพื่อลดการดื่มแล้วขับ ลดความเสี่ยงบนถนนเพื่อประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกที่ทำต่อเนื่อง

           “ประดู่แดง”ขอชักธงเชียร์อย่างเต็มที่เนื่องจากป้องกันอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี เพราะตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งช่วงเทศกาลและเวลากลางคืน สาเหตุเมาแล้วขับครองแชมป์มาโดยตลอด

            แม้แต่ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ช่วงกลางคืนยังถูกขี้เหล้าขับรถพุ่งชนเสียชีวิตคาด่านมาแล้ว อย่างกรณี จ.ส.ต.ณัฐพงษ์แกนนาคำ สังกัดบก.จร.กำลังตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ บริเวณปากซอยปลูกจิตร ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ ในช่องซ้ายสุด ถูกคนขับรถกระบะอยู่ในอาการเมาสุราพุ่งชนเสียชีวิต ช่วงกลางดึกวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567

          แต่โครงการที่ บช.น.ดำเนินการเป็นแค่การรณรงค์ จะได้ผลเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แม้ พล.ต.ต.ธวัช บอกว่าจะเป็นมาตรการเชิงรุกที่ทำต่อเนื่อง แต่จะมีช่องว่างถ้าไม่ใช่ช่วงรณรงค์การปฏิบัติจะหย่อนยาน อุบัติเหตุเมาแล้วขับจะย้อนกลับมาเหมือนเดิม  

       ถ้า บช.น.และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยากเห็นสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากเมาแล้วขับลดลง ต้องแก้ปัญหาแบบเชิงรุก  

“ประดู่แดง”ขอนำเสนอแนวคิดของ อดีตนายพลตำรวจท่านหนึ่งสมัยที่ยังรับราชการเคยเสนอในวงประชุมการแก้ปัญหาเมาแล้วขับว่า ให้ตำรวจท้องที่ สำรวจสถานบันเทิงในท้องที่มีกี่แห่ง ที่เปิดตั้งแต่เย็นยันดึก ให้หัวหน้าโรงพักนำไปหารือในที่ประชุมเพื่อพิจารณาวางกำลังเข้าไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ บรรดานักท่องราตรี ก่อนที่จะขึ้นรถขับกลับบ้าน  หากตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนดห้ามขับรถออกจากลานจอดรถ ให้พักจนกว่าปริมาณแอลกอฮอล์ลดลงตามกฎหมายกำหนดแล้วอนุญาตให้ขับรถออกไปได้ 

       “เจอประเภทเมาคุมสติไม่ค่อยได้ให้พักนอนในรถ ติดต่อญาติพี่น้องให้มารับไป หรือจ้างให้พนักงานในร้านที่ขับรถได้ขับไปส่งหรือจ้างบริษัทที่เปิดบริการขับรถกลับบ้านมาบริการ  หากสิงห์ขี้เหล้ารอไม่ได้ให้จอดรถทิ้งไว้ใช้บริการแท็กซี่แล้วค่อยมารับรถคืนวันถัดไป”อดีตบิ๊กตำรวจระบุและว่า ข้อเสนอนี้ถูกท้วงติงจากตำรวจท้องที่ว่ากำลังไม่เพียงพอ และเจ้าของสถานบันเทิงอ้างว่าไม่อยากรับผิดชอบรถที่จอดทิ้งไว้และกลัวว่าแขกจะไม่กล้ามาใช้บริการเพราะกลัวถูกตรวจ

        อดีตนายพลตำรวจชี้ช่องทางแก้ปัญหาว่า ถ้าจะทำกันจริงจังสามารถที่จะทำได้ เพียงแค่หัวหน้าโรงพักจัดเกลี่ยกำลังให้ลงตัว ท้องที่ไหนมีสถานบันเทิงเยอะขอกำลังจากหน่วยอื่นมาช่วย ส่วนประเด็นเจ้าของสถานบันเทิงไม่เห็นด้วยน่าจะแก้ไม่ยาก เพียงแค่ตำรวจบริการแบบตรงไปตรงมาไร้การเรียกรับส่วย จะเป็นแรงจูงใจได้ รวมถึงประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง จนทำให้สิงห์ขี้เหล้าเกิดความเคยชินว่าถ้านำรถจะต้องโดนตรวจก่อนขับรถ

          “แต่แนวทางนี้ไม่มีการตอบรับจาก ผบช.และผู้บังคับการที่คุมพื้นที่ เพราะต่างอ้างกำลังไม่เพียงพอบวกกับผมไม่มีอำนาจในการสั่งการ จึงกลายเป็นเพียงขอเสนอเท่านั้น “อดีตนายพลตำรวจกล่าวทิ้งท้าย

        หากมองอย่างวิเคราะห์มาตรการนี้น่าจะช่วยในการป้องกันอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับได้เป็นอย่างดี  ดีกว่าปล่อยให้เมาแล้วขับ เมื่อเกิดอุบัติเหตุมีแต่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายและที่ยกประเด็นนี้นำเสนอเพราะสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่ม

        ถ้า พล.ต.ต.ธวัช อยากลดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ ลองปรับกิจกรรม”เป่าก่อนขับ กลับปลอดภัย”มาจัดโครงการที่เสนอ นำร่องตามสถานบันเทิงใหญ่ๆมีลานจอดรถกว้างๆ 2-3 แห่งทำสัก 2-3 สัปดาห์แล้วประเมินผล ถ้าพบว่าอุบัติเหตุเมาแล้วขับลดลงหรือไม่เกิดขึ้นเลย ค่อยขยายทั่วนครบาล  และยากเสนอให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการผบช.ภ.1-9 ทำโครงการนี้นำร่องทุกจังหวัดเชื่อว่าอุบัติเหตุเมาแล้วขับคงลดลงเช่นกัน

         แต่ข้อเสนอลักษณะนี้ไม่ค่อยมีการตอบสนองจากตำรวจเท่าที่ควร เพราะตั้งด่านตรวจเมาสร้างรายได้ทั้งใต้โต๊ะและบนโต๊ะอย่างเป็นกอบเป็นกำ !!!