ที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ 20 ก.พ. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้รับมอบหมายจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ตอบกระทู้ถามสดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ของ นายซาการียา ซะอิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พรรคภูมิใจไทย เรื่องค่าใช้จ่ายการการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่มีราคาสูง ว่า มีอยู่ 3 ส่วนที่ทําให้ราคานั้นสูงขึ้นทุกปี ประการแรก คือค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 กําหนดให้การบินไทย เป็นสายการบินเดียวในการดําเนินการขนส่งผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิม เพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ กระทรวงจึงได้นําเรื่องนี้เสนอไปยังครม. ให้ยกเลิกมติดังกล่าว เพื่อปลดล็อกการผูกขาด
“ดิฉันได้ศึกษาในปีก่อน ๆ ราคา เครื่อบินสำหรับผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์สูงขึ้นทุกปี เมื่อครม.มีมติในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ให้ยกเลิกมติเดิม ก็ทําให้มีการเปิดโอกาสให้สายการบินต่างๆ ได้เข้ามาเสนอราคา เสนอเรื่องของคุณภาพ และการบริการที่มากขึ้น ซึ่งก่อนที่คณะรัฐมนตรีให้พิจารณายกเลิกมติเดิม ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีการทําการบ้านมาก่อน โดยได้พูดคุยกับสายการบินต่าง ๆ เพื่อให้ลองเข้ามาเสนอราคา แน่นอนว่าราคาที่ได้นั้นคือราคาถูกลง แต่เนื่องจากขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี ทําให้เราไม่สามารถที่จะใช้สายการบินที่ราคาถูกกว่าได้ นั่นคือสาเหตุว่าทําไมเราถึงต้องมีการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี” นางสาวซาบีดา กล่าว

รมช.มหาดไทย กล่าว่า นอกจากนี้ ได้เจรจากับสายการบินซาอุดีอาระเบีย และการบินพลเรือนของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเดิมมีแต่เที่ยวบินเช่าเหมาลํา แต่ปีนี้เราเจรจาว่าขอให้มีการเพิ่มเที่ยวบินปกติ หรือว่าเที่ยวบินพาณิชย์ซึ่งทําให้ราคาค่าบัตรโดยสารถูกลง 20,000 บาท ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และยังได้เจรจาต่อรองกับบริษัทการบินไทย จํากัด (มหาชน) ในเรื่องการเช่าเหมาลำ ขอให้ลดราคาค่าโดยสาร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้พี่น้องมุสลิมชาวไทย ที่จะเดินทางไปแสวงบุญ ซึ่งบริษัทการบินไทย ตอบรับเป็นอย่างดี โดยอนุมัติให้ลดราคาลงมาที่ 7,000 บาท เป็นผลจากการเจรจาพยายามที่จะเข้ามาทํางาน เพื่อดูแลเรื่องของคุณภาพ เรื่องการบริการ และเรื่องของราคา ที่เคยมีราคาที่สูง พยายามทําทุกกลไก เพื่อให้ราคาค่าโดยสารเครื่องบินของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ถูกลง
น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องของค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐาน อาทิ ค่าประกันกระทรวงฮัจญ์ ค่าบริการภาคพื้น จากหน่วยงานต่าง ๆ จากประเทศซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนค่าใช้จ่ายประกอบพิธีฮัจญ์ ตามแพ็คเกจ ของบริษัทตัวแทนที่ให้บริการ ที่ได้รับอนุญาตจากซาอุฯ ให้เป็นผู้บริการ และดูแลผู้แสวงบุญชาวไทย ซึ่งซาอุฯ เป็นผู้กําหนดราคาให้ผู้แสวงบุญทุกประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทําให้ราคาฮัจญ์ค่อนข้างสูง แต่เมื่อ ม.ค. 2567 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ขณะดํารงตําแหน่ง รมช.มหาดไทย ได้เดินทางไปเจรจาต่อรอง ขอลดค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานลงไปอีก 9,000 บาท ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี โดย กรมการปกครอง จะทําการคืนเงินให้แก่ผู้แสวงบุญชาวไทยโดยตรง ไม่ผ่านบริษัท หรือผู้ประกอบการใดๆ เพื่อความโปร่งใสชัดเจน

เมื่อวันที่ 10–16 มกราคม 2568 ตนได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ให้เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปทําบันทึกข้อตกลง และเจรจาในเรื่องราคาค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานกับกระทรวงฮัจญ์ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งได้เจรจาขอลดราคาค่าขนส่งภายในประเทศซาอุฯ และสหกรณ์ขนส่ง ได้ลดราคาให้หัวละ 400 บาท โดยจะคืนเงินให้แก่ผู้เดินทางไปแสวงบุญในปีนี้ โดยตรงไปยังผู้แสวงบุญเช่นกันนอกจากนี้ได้เจรจาต่อรองขอให้เพิ่มจำนวนเต็นท์ที่ทุ่งมีนา จาก 2 เต็นท์ เป็น 3 เต็นท์ ซึ่งทางซาอุก็อนุมัติ และยังจรจากับทางบริษัทตัวแทนซาอุฯ ขอเพิ่มแอร์ หรือพัดลม ในเต๊นท์ช่วงที่มีอากาศร้อนจัด ซึ่งทางบริษัทยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ “ดิฉันจะเป็นคนลงพื้นที่เอง เพื่อไปตรวจสอบว่าสิ่งที่ได้นั้นตรงปกหรือไม่ เป็นไปตามข้อกําหนด ที่ได้ตกลงกันในช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งดิฉันจะเดินทางไปสํารวจแล้วก็ตรวจเยี่ยมเอง” รมช.มหาดไทย กล่าว
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า สำหรับค่าที่พักซึ่งมีราคาสูง ที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการ กลไกการกําหนดราคา จากผู้ประกอบการที่ไปคิดกับผู้แสวงบุญ ในปีนี้ได้กําหนดมาตรฐานที่พักเป็นทีโออาร์ และตั้งคณะกรรมการให้ดูแล ร่วมกับสถานทูตไทยในการลงพื้นที่จริง เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประกอบการนั้น เลือกที่พักตรงตามที่ตกลงหรือไม่ อย่างไร
นางสาวซาบีดา กล่าวอีกว่า จากการเจรจาต่อรอง ระหว่างรัฐบาลไทย โดยกระทรวงมหาดไทย กับรัฐบาลซาอุฯ ทำให้ค่าใช้จ่ายลดจาก 250,000 บาท เหลือ 180,000 บาท ซึ่งลดเยอะที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และตนจะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพต่างๆ เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางไปแสวงบุญฮัจญ์ ได้ประโยชน์ที่สุด

“ดิฉันในฐานะมุสลิมคนหนึ่ง ต้องขอขอบคุณ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่บรรจุเรื่องนี้ในการประชุม ครม. นอกสถานที่ที่ผ่านมา เพราะท่านก็เห็นความสําคัญของพี่น้องชาวไทยมุสลิมเช่นกัน และต้องขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ที่มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติครม.เดิม เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้สายการบินต่างๆ เข้ามาเสนอราคา เสนอบริการต่างๆ ซึ่งอาจจะมีหลายคนกังวลว่าอาจจะมีเรื่องการฮั้วสายการบินหรือไม่ เรียนให้ทราบว่า ในขณะที่ดํารงตําแหน่งอยู่ รัฐบาลนี้ไม่มีทางให้สิ่งนี้เกิดขึ้นแน่นอน เพราะเราได้มีการวางแผน ดูเรื่องกฎระเบียบ และกําหนดมาตรการอย่างรัดกุม รอบคอบที่สุด พยายามที่จะทําให้ทุกอย่างเกิดความโปร่งใสมากที่สุด ได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาเที่ยวบินในการส่งขนส่งผู้แสวงบุญ โดยประกอบไปด้วยภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง” นางสาวซาบีดา กล่าว
รมช.มหาดไทย กล่าวชี้แจงประเด็นสุดท้าย เงินกองทุน 300 ล้านบาท ซึ่งจัดตั้งเมื่อปี 2549 ว่า พยายามจะตั้งคณะทํางานในการศึกษาแนวทางการนําเงินไปใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่เนื่องจากวัตถุประสงค์ของกองทุนนั้น เป็นไปเพื่อการใช้จ่าย สํารองเงินในการจัดหาที่พัก สําหรับผู้แสวงบุญชาวไทยเท่านั้น ก็จะได้มีการตั้งคณะทํางานพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการที่จะนําเงินนั้นไปดูแลที่พัก เพื่อผู้เดินทางไปแสวงบุญจะได้รวมอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง หรือตึกใด ตึกหนึ่ง เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ การดำเนินงานของกองทุนได้รับการตรวจสอบการดําเนินการจาก สตง. ดังนั้น การดำเนินการใด ๆ จึงต้องรัดกุม รอบคอบมากที่สุด
“แน่นอนว่า การทํางานที่ผ่านมานั้นเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด ส่วนในปี 2569 เราพยายามที่จะขับเคลื่อนเพื่อให้ราคาถูกลงอีก โดยใช้ทุกกลไกในการควบคุม ให้เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตามหลักศาสนกิจของอิสลาม ด้วยพระประสงค์ของอัลเลาะห์ การทํางานทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยความราบรื่น เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม” นางสาวซาบีดา กล่าว

