“ “จอมมารน้อย”ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกนับแต่เป็นผู้ประกันตนแบ่งเงินเดือนส่วนหนึ่งจ่ายประกันสังคมตั้งแต่ก่อตั้งกระทั่งเกษียณอายุ รับบำนาญจากกองทุนประกันสังคมเดือนละ 4,800 บาท ได้เห็นข้อมูลที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน นำออกมาเปิดเผย ถึงการใช้จ่ายของผู้บริหารกองทุนประกันสังคมแล้วรู้สึกตกใจ“
เพราะเงินเหล่านี้ล้วนแต่มาจากหยาดเหงื่อของผู้ใช้แรงงานภาคเอกชนหรือมนุษย์เงินเดือนที่จ่ายภาษีตั้งแต่เริ่มทำงาน แต่ผลตอบแทนแบบบำนาญน้อยกว่าข้าราชการที่เกษียณอายุทั้งที่เสียภาษีก่อนพวกข้าราชการเหล่านั้น
ที่ผ่านมาได้ยินแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกบริหารจัดการเกี่ยวกับประกันสังคมอยู่กันแบบกินหรูอยู่สบาย แต่ไม่เคยเห็นหลักฐานชัดเจน กระทั่งน.ส.รักชนกนำออกมาเปิดเผย ขอนำเสนอให้เห็นบางประเด็นถึงความหรูหราของกลุ่มคนเหล่านี้และการใช้งบประมาณแบบไม่คุ้มค่า
โดย น.ส.รักชนก โพสต์ว่ากองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การใช้งบประมาณการบริหารจัดการยังมีบางส่วนเป็นหลุมดำ ซื้อแบบจำเพาะเจาะจงเยอะ ส่วนที่แข่งขันราคาไม่โปร่งใส หากไม่มีบอร์ดประกันสังคมที่มาจากการเลือกตั้งประกันสังคมก้าวหน้า ประชาชนคงไม่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้
“ประเด็นการไปต่างประเทศ-ดูงานทริปหนึ่ง 6 วัน 5 คืน ใช้งบประมาณ 2.2 ล้านบาท สำหรับ 10 คน ค่าบัตรโดยสารเบิกเฟิร์สคลาส 160,000 บาท 2 คน ต่างจากราคาตลาดเกือบ 60,000 บาท ค่าที่พัก 16,000 บาท/วัน/คืน คือราคาระดับ 5 ดาวของญี่ปุ่น จำเป็นไหมต้องใช้จ่ายฟุ่มเฟือยขนาดนี้ ค่าพาหนะในการเดินทางต่างประเทศ 35,000 บาท/คน ไปดูงานทำไมไม่ใช้วิธีเหมาะรถ”น.ส.รักชนก ระบุ
น.ส.รักชนก ระบุอีกว่า คอลเซ็นเตอร์ 1506 ค่าใช้จ่ายหลักร้อยล้านๆต่อปี เป็นค่าเช่าสถานที่ 50 ล้าน แต่คอลเซ็นเตอร์สายไม่เคยว่าง กด 0 แล้วรอไปยาวๆ สุดท้ายขอข้อมูลอะไรไม่ได้ ปี 2566 โครงการใหญ่เปลี่ยนระบบจากคอมฯ เป็นเว็บแอป 550 ล้านมีความจำเป็นหรือไม่
ขณะที่นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานบอร์ดประกันสังคม บอกว่าจะให้สำนักงานประกันสังคม(สปส.)ชี้แจง อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่กระทบต่อผู้ประกันตน ที่สำคัญการใช้งบประมาณทำกิจกรรมต่างๆเป็นผลตอบแทนตามที่สปส.ได้มาเพื่อใช้จ่ายตามระเบียบ
ด้านนางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสปส.ยืนยันว่าการจัดทำงบประมาณประจำปี สอดคล้องกับแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี ที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดประกันสังคม งบประมาณค่าใช้จ่ายการบริหารที่รับการจัดสรรในแต่ละปี คือไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินสมทบประจำปี ที่ผ่าน มาสปส.จ่ายด้านบริหารไม่เกินร้อยละ3
“ เมื่อนำข้อมูลของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกัน เชื่อว่าผู้จ่ายเงินประกันตน จะเทน้ำหนักไปฝั่งน.ส.รักชนกพร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่างบประมาณที่สปส.จ่ายไปเพื่อบริหารดูแลผู้ประกันตนนั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะเมื่อผู้ประกันตันที่เข้ารักษาตามโรงพยาบาลต่างๆเสมือนประชากรชั้น 2 ด้านบริการ“
ผู้ประกันตนที่ใช้บริการต่างรับรู้เป็นอย่างดี แต่ต่างอยู่ในภาวะจำยอมหรือถึงขั้นปล่อยผ่าน เพราะเมื่อโทรฯไปแจ้งสปส.กว่าจะรับโทรศัพท์ต้องกด 0 หลายรอบจนท้อไปเอง โรงพยาบาลที่ไปใช้บริการลอยนวลเหมือนเดิม
แม้แต่แพทย์ที่ตรวจคนไข้ประกันสังคมบอกว่า”ก่อนหน้าที่เคยเห็นคนออกมาบ่นว่าหมอประกันสังคมเหมือนไม่ใส่ใจหรือตรวจไม่ดี ดิฉันไปรับงานประกันสังคมโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตรวจคนไข้ตามปกติ ใครมีปัญหาตรวจนาน ชั่วโมงแรก 3-4 คน จนผู้ช่วยพยาบาลเร่งให้ตรวจไวๆ พร้อมกระซิบว่ามันเกินค่าใช้จ่ายต่อครั้งของคนไข้ จึงต้องตัดรายการออกต่อหน้าคนไข้
“รู้สึกแย่ไปกับคนไข้มากๆเลยทำไมคนไข้ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษาที่ครบถ้วน พอเป็นสิทธิ์นี้ต้องแบ่งตรวจ ครั้งนี้ตรวจอีกอย่างหนึ่ง ครั้งหน้าตรวจอีกอย่างหนึ่งแล้วจะวินิจฉัยโรคได้อย่างไร”หมอระบุและว่าพอตรวจเสร็จเวลาเหลือผู้ช่วยฯบ่นว่าไม่มีเคสส่งให้หมอเลย อ้าวยังเหลือเวลาที่หมอได้นั่งว่าง เราแบ่งเวลาตรวจคนไข้ให้นานกว่านี้ไม่ได้เหรอ ไม่สงสารคนไข้เหรอ หรืออยู่ตรงนี้นานเกินจนไม่มีจิตใจความเป็นมนุษย์ บอกเลยว่าไม่ใช่คนไข้รู้สึกแย่ หมอรู้สึกแย่มาก
ที่ยกมานำเสนอเพื่อสะท้อนว่าค่าบริหารจัดการของ สปส.สูงเกินความจำเป็น ยิ่งนำไปเปรียบเทียบกับการบริหารที่ผู้ประกันตนพึงได้รับต่างกันราวฟ้ากับเหว ได้แต่หวังว่าผู้บริหารกระทรวงแรงงานรวมถึงบอร์ดประกันสังคมเร่งหาช่องทางพิจารณาลดค่าใช้จ่ายหรือถ้าลดไม่ได้ควรปรับปรุงแก้ไขการบริการให้ดีขึ้นกว่าเก่าโดยเฉพาะการรักษาพยาบาลไม่ควรมองว่าผู้ประกันตนเป็นแค่ประชากรชั้น 2
ประการสำคัญขอเชียร์ให้ สส.รักชนก เดินหน้าข้อมูลออกมาเป็นระยะๆจนกว่ารัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสปส.ปรับปรุงการบริการด้านต่างๆจนผู้ประกันตนประทับใจ แต่ถ้าให้ดีเจาะข้อมูลถึงโครงการต่างๆที่ส่อทุจริตแล้วจัดการกับผู้เกี่ยวข้องเชื่อว่าผู้ประกันตนต้องเทใจให้พรรคประชาชนแน่นอน !!!
