“ นับแต่รัฐบาลใช้มาตรการงดส่งน้ำมัน ตัดไฟฟ้า สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีฐานที่มั่นอยู่ฝังเมียนมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับลูกลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ อย่างเต็มที่ รวมถึงจัดการกับตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีเอี่ยวผลประโยชน์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แบบฉับพลันด้วยการสั่งย้ายพ้นหน้าที่พร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง“

หากเป็นช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเปิดเกมุกแบบนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงตั้งรับไม่ทันแน่นอน เพราะช่วงนั้นผู้นำสีกากีเป็นแค่เจว็ดปล่อยให้นายพลเด็กปู้ยี่ปูยำองค์กร ตำรวจส่วนใหญ่เกียร์ว่าง ถ้าทำงานหนักมีผลงานแค่ไหน หากไม่มีผลประโยชน์ประเคนให้นาย นอกจากจะเจ็บตัวเมื่อทำงานพลาดยังถูกย้ายฟ้าผ่าอีกต่างหาก และช่วงนั้นตำรวจระดับ พล.ต.ต.ถึง พล.ต.อ. บางนายต่างมีเอี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ บางครั้งเก็บผลประโยชน์ล้ำเส้นกัน อีกฝ่ายจะจับโชว์ให้สังคมได้เห็น
ขณะที่ตำรวจไซเบอร์ยุคนั้นก็ไม่ธรรมดา ถ้าสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดนจับจะส่งทีมงานไปช่วยเคลียร์กับผู้เสียหายด้วยการเสนอผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆให้ เข้าทำนองกำขี้ดีกว่ากำตด ถ้าผู้เสียหายยินยอมสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะลอยนวล
แต่ยุคนี้โชคดีที่มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นผู้นำองค์กร ด้วยประวัติรับราชการที่ไม่ด่างพร้อย ไม่แสวงหาผลประโยชน์ เมื่อรัฐบาลสั่งลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถตั้งรับได้เป็นอย่างดี ลุยงานได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพวกธุรกิจสีเทาแทงข้างหลัง ขณะที่ผู้บัญชาการ(ผบช.)ทุกกองบัญชาการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น บช.สอท. บช.ก. บช.น. บช.ภ.6 บช.ภ.2 และบช.ภ. 7 ต่างพร้อมใจกันสร้างผลงานให้ประชาชนพึงพอใจอย่างมาก
หากย้อนดูก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะนั่งเจ้าสำนักปทุมวันเต็มตัว เวลานั้นองค์กรตำรวจแตกแยกอย่างหนัก เกิดวิกฤตศรัทธา จน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ถูกคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.คู่ขัดแย้ง แล้วตั้งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาการผบ.ตร.
ขณะนั่งรักษาการฯพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขับเคลื่อนงานอย่างเต็มเพื่อกู้ภาพลักษณ์ให้กับองค์กร เดินสายปลุกขวัญตำรวจช่วยกันทำงาน จนได้รับคำชื่นชมถึงผลงานว่าช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมาว่าตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์และอำนายความสะดวกให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ต่อมาเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นผบ.ตร.บรรดาอดีต ผบ.ตร.และอดีตนายพลสีกากีต่างกังวลว่าจะรับมือกับฝ่ายการเมืองไหวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาบทบาทไม่ค่อยโดดเด่น โดยเฉพาะช่วงแต่งตั้งโยกย้ายที่ใช้กฎหมายตำรวจฉบับใหม่เต็มรูปแบบ
ปรากฏว่ามีเสียงชมจากอดีต ผบ.ตร.คนหนึ่งว่ารับมือได้เป็นอย่างดี ช่วงพิจารณาแต่งตั้งระดับนายพลตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล้าที่จะชี้แจงถึงเหตุผลว่าทำไมนายตำรวจที่ฝ่ายการเมืองขอมาถึงไม่ได้รับการแต่งตั้งและทำไมนายตำรวจคนนี้ถึงได้รับการแต่งตั้ง การกระทำลักษณะนี้มี ผบ.ตร.เพียงไม่กี่คนที่กล้าแสดงความเห็นค้านนายกรัฐมนตรีหรือฝ่ายการเมือง
ยิ่งในช่วงที่ต้องตัดสินใจสามารถทำได้แบบเฉียบขาด อย่างกรณีเซ็นให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน สร้างความฮืออาให้กับชาวสีกากีอย่างมากเพราะต่างกันดีว่าไม่ใครยากจะต่อกรกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หรือการตัดสินใจที่สั่งย้าย พล.ต.ต.2 นายและผกก.3 นายในพื้นที่ภาค 6 หลังถูกกล่าวหาว่าพัวพันอาชญากรรมข้ามชาติ ก็เซ็นในทันทีโดยมิลังเลว่าจะถูกฟ้องกลับ
ดังนั้นถ้ามองถึงการทำงานของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งบัลลังก์เจ้าสำนักปทุมวันมากว่า 4 เดือน พบว่ามีภาวะผู้นำที่โดดเด่นไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์รุมเร้าแม้ถูกแจ้งความดำเนินคดี ก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้ โดยบอกเพียงว่า”คิดดี ทำดี ผมคิดว่าทุกอย่างจะออกมาในทิศทางที่ดีเอง ไม่อยากตอบโต้หรือทำอะไรที่ทำให้ตำรวจและประชาชนเขาเอือมระอากับเรื่องลักษณะเช่นนี้ในวงการตำรวจอีก ตอนนี้ผมต้องการที่จะคิดและทำในสิ่งที่ควรทำ กำหนดแผนปราบปรามพวกมิจฉาชีพกลุ่มอาชญากรที่กระทำผิดกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนมากกว่า”
ซึ่งเป็นการตั้งรับแบบไม่ต่อความยาวสาวความยืด แสดงออกถึงผู้นำที่มีวุฒิภาวะ ถ้าจะมองในทางพระคงจะบอกได้ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด
ขณะที่การบริหารบุคคล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างแน่นอน ถ้ามีหลักฐานหรือมีการกล่าวหา ผบช.หรือ ผบก.คนไหน จะย้ายทันทีพร้อมตั้งกรรมการสอบสวนหากมีมูลจะลงดาบเชือดทั้งวินัยและอาญา และเพื่อให้การแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว.ที่กำลังดำเนินการอยู่ ได้ตำรวจที่ตั้งใจทำงานจริง จึงออกหนังสือกำชับให้ ผบช.ตรวจสอบ ผกก.-สว. พบโรงพักไหนปล่อยปละเลยทำให้เกิดความเสียหายในทางลบ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการปราบปรามอาชญากรรม ให้ ผบช.ปรับย้ายออกให้หมดแล้วหาคนที่เหมาะสมมาทำแทน
เมื่อมองบทบาทในฐานะผู้นำองค์กรสีกากี ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ถือว่าบริหารจัดการได้ดีแบบเหนือความคาดหมายไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งนายพลใหญ่นายพลเล็กที่สร้างความพึงพอใจให้กับชาวสีกากีโดยรวม การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมอยู่ในระดับที่ชาวบ้านพึงใจ แถมรับมือกับพวกที่ใช้วิชามารหวังบ่อนเซาะเก้าอี้ ด้วยกลยุทธ์นิ่งสยบเคลื่อนไหว
ดังนั้น ถ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังรักษามาตรฐานการทำงานทั้งรุกและรับ มีภาวะผู้นำสูงแบบนี้ตลอดไป นอกจากจะเป็นตัวช่วยให้นั่งบัลลังก์เจ้าสำนักปทุมวันจนเกษียณแล้ว อาจจะทำให้มารบางตัวที่หิวอำนาจกระอักเลือดตายก่อนก็เป็นได้ !!!
