ที่สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 พลเอกประยุทธ์กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า และจะส่งผลต่อพัฒนาการต่าง ๆในภูมิภาค เชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของผู้นำจีนชุดปัจจุบัน จีนจะพัฒนาเป็นประเทศ “สังคมนิยมสมัยใหม่” ได้อย่างแน่นอน ซึ่งไทยพร้อมกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีน บนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งไทยยังสนใจที่จะเรียนรู้ความสำเร็จในการดำเนินนโยบายการพัฒนาประเทศของจีนโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากภายในระยะเวลาอันสั้น รวมทั้งจีนยังมีบทบาทแข็งขันในการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง MLC ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
นายกฯ ไทยและจีนมุ่งมั่นที่จะทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้าทวิภาคี 120,000 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ฯ ภายใน 3 ปีข้างหน้า ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยไทยพร้อมจัดการประชุม JC เศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 6 ในปีนี้ และพร้อมต้อนรับนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีนและ คณะภาคเอกชนจีนจำนวน หลายร้อยรายจะเดินทางมาเยือนไทย เพื่อเข้าร่วมงานสัมมนาทางธุรกิจ “Thailand – China: Strategic Partnership through Belt and Road Initiative and the EEC” และการเยี่ยมชมท่าอากาศยานอู่ตะเภาและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่EEC ซึ่งวิสาหกิจจีนหลายรายแสดงความ สนใจที่จะลงทุนในพื้นที่EEC โดยเฉพาะวิสาหกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่
นายกฯ จีนกล่าวถึงความร่วมมือรถไฟไทย – จีน โดยได้มีสารแสดงความยินดีในโอกาสที่มีพิธีเริ่มการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ว่า โครงการรถไฟไทย-จีน เป็นสัญลักษณ์สำคัญของความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและจีน และเชื่อว่าความสำเร็จของการเริ่มต้นโครงการฯ จะนำมาซึ่งความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านต่างๆ อีกมากมาย ที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนของทั้งสองประเทศร่วมกัน นายกรัฐมนตรีจีนยังกล่าวยืนยันที่จะสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยโดยเฉพาะข้าวและยางพารา ตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศเคยตกลงกันไว้ พร้อมส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยให้มากขึ้น
ในตอนท้าย พลเอกประยุทธ์ ยังได้กล่าวชื่นชมความร่วมมือด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจีนได้เปิดสำนักงานความร่วมมือด้านนวัตกรรมของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2560 ที่กรุงเทพ เชื่อว่าไทยกับจีนจะมีความร่วมมือด้านนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศและยกระดับอุตสาหกรรมของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการส่งเสริมการฝึกอบรมบุคคลากรอาชีวะ และพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อให้มีบุคลากรและแรงงานไทยทักษะความสามารถสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมและตลาดแรงงาน โดย คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังได้ให้สิทธิพิเศษสำหรับการจัดตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูง ในไทยด้วย