สุดดีใจ!! 5 ตัวประกันไทย น้ำตารื้นโผกอดญาติ “มาริษ” ยันจะตามคนที่เหลือจนถึงที่สุด

388

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 9 ก.พ. เวลา 07.30 น. ชาวไทยทั้ง 5 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจับเป็นตัวประกัน ประกอบด้วย นายวัชระ ศรีอ้วน นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา นายเสถียร สุวรรณคำ นายสุระศักดิ์ ลำเนา และ นายบรรณวัชร แซ่ท้าว เดินทางด้วยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 374 จากอิสราเอลมาถึงประเทศไทย โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน , นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอให้การต้อนรับ ซึ่งเมื่อตัวประกันทั้งหมดผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และเดินออกพบครอบครัวที่รออยู่ในโซนผู้โดยสารขาเข้า ก็โผเข้ากอดญาติๆ ด้วยความดีใจ โดยบางรายกลั้นน้ำตาไม่อยู่ โดยมีกองทัพสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศมาติดตามบันทึกวินาทีประวัติศาสตร์

จากนั้นนายมาริษ แถลงข่าว โดยระบุว่า ภาพที่เห็นเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว สำหรับคนๆหนึ่งที่ได้กลับมาสู่อ้อมอกของครอบครัว เพราะครอบครัวเกือบทุกคนไม่ได้เจอหน้าครอบครัวมาหลายปีแล้ว มีครอบครัวพูดกับตนว่าไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสในวันนี้พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยคิดว่าจะหมดหวัง วันนี้จึงถือเป็นผลงานที่ปรากฏ ซึ่งน้ำตาความปลื้มปิติของครอบครัวทุกท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และถือเป็นกำลังใจของข้าราชการทุกหน่วยงาน ดังนั้นขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทหาร โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่ได้เดินทางไปตนตั้งแต่วันแรกที่ได้ทราบข่าวว่าตัวประกันทั้ง 5 คนจะได้รับการปล่อยตัว และขณะนี้อยู่ในมือของรัฐบาลอิสราเอลแล้ว

รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า ขอบคุณมิตรทุกประเทศที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด วันนี้ถือเป็นความสำเร็จ ที่ครอบครัวทุกคนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ขอยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะดูแลคนไทยทุกคนที่เดินทางไปใช้ชีวิตและประกอบอาชีพอยู่ในต่างประเทศ ทำงานเพื่อครอบครัว และทำงานเพื่อประเทศชาติ ให้มีชีวิตที่ดี รวมทั้งจะทำทุกอย่างให้คนที่อยู่ในต่างประเทศได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศอย่างมีความสุข สามารถติดต่อกับครอบครัวได้ ซึ่งนี่ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ตนและข้าราชการทุกหน่วยงานยังคงทำงานกันต่อไป แม้จะมีความยากลำบากหรืออุปสรรคแต่ก็ไม่เคยย่อท้อและยังคงผลักดันต่อไป ก่อนกล่าวว่าทุกคนมีสุขภาพที่ดี แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือสุขภาพจิต ดังนั้นขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านกลับสู่สภาพความเป็นอยู่ที่ปกติโดยเร็วที่สุด

นายมาริษกล่าวว่า ส่วนเรื่องของสิทธิ์ทั้งหลายที่น้องคนไทยทั้ง 5 คนจะได้รับนั้น ปลัดกระทรวงแรงงาน แจ้งว่าจะดำเนินการตามสิทธิที่จำเป็นต้องได้ ในส่วนของประเทศอิสราเอลเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูต ที่จะต้องคุยกับรัฐบาลอิสราเอล สำหรับตัวประกันคนไทยที่เหลืออยู่อีก 1 คนในอิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งใจและยังคงมีความหวัง โดยจะทำต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันก็จะนำร่างของคนไทยอีก 2 คนที่เสียชีวิตกลับมาสู่มาตุภูมิโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่าได้หารือกับรัฐบาลอิสราเอล ว่าจะต้องมีความพยายามร่วมกันมากขึ้น เพื่อยกระดับแรงงานที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอล ให้เขาสามารถพัฒนาศักยภาพตนเองและกลายเป็นผู้ประกอบการได้ เพราะไม่อยากให้ยุติอยู่เพียงแค่ในฐานะแรงงานเท่านั้น ตลอดจนดึงเอาแรงงานฝีมือใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย เราจะติดตามผลในการกลับคืนสู่สังคมของคนไทยทั้ง 5 คนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เขาเข้าไปอยู่ในสังคมและครอบครัวได้อย่างปกติที่สุด เพราะวันแรกที่พูดคุยกับแรงงานทราบมาว่าหลายคนนอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในเรื่องของร่างกายคงไม่มีปัญหา แต่อยากเห็นพัฒนาการเรื่องของสุขภาพจิตตามไปด้วย

ด้านปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวกระทรวงจะดูแลสิทธิประโยชน์ของทั้ง 5 คน อย่างเต็มที่ โดยนายมาริษได้ให้ข้อสังเกตมากมายเรื่องของการพัฒนาคนไทยทั้ง 5 คนให้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมให้กับพี่น้องคนไทยและคนที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล “คนไทยทุกคนที่ไปทำงานต่างประเทศ ท่านคือแม่ทัพแรงงาน ได้ส่งเงินเข้าประเทศ 2-3แสนล้านบาท ถือเป็นการขับเคลื่อนประเทศชาติ ขอขอบคุณและต้อนรับสู่อ้อมกอด” ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว

ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา เป็นตัวแทนชาวไทยทั้ง 5 กล่าวสั้น ๆ ว่า พวกตนขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนช่วยเหลือ การที่มายืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพวกท่าน พวกตนรู้สึกซาบซึ้งที่ได้กลับมาแผ่นดินเกิดอีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณจริงๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไร