
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.รรท.รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รรท.ผบก.ป.,พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป. ,พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป.,พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ,พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย,พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ,พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กิติภูมิ ศรีแผ้ว สว.กก.5 บก.ป.,ว่าที่ ร.ต.อ.นนทกร นันทะน้อย รอง สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายยุทธพงษ์ฯ อายุ 42 ปี ตามหมายศาล ดังนี้ หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 59/2568ลงวันที่ 15 มกราคม 2568 และ หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 3/2568 ลงวันที่ 2 มกราคม 2568 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแกประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
สถานที่ บริเวณหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ม.4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นตัวแทนขายครีมเสริมความงามยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งได้มีมี บัญชีแอปลิเคชันไลน์ ของกลุ่มผู้ต้องหาได้ ส่งข้อความมาหาผู้เสียหายในลักษณะสนใจสินค้า และบอกผู้เสียหายอีกว่ายังมีผู้สนใจอีกหลายคน และชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ open chat ซึ่งเป็นกลุ่มไลน์ที่ใช้โฆษณาเสนอขายสินค้าออนไลน์ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้เข้าไปในไลน์กลุ่มดังกล่าว และทำการโพสต์ขายสินค้า ทำให้เริ่มมีผู้สนใจและสอบถามสินค้าของผู้เสียหาย แต่ทางแอดมินของกลุ่มแจ้งผู้เสียหายว่าต้องมีการลงทะเบียนและใช้ platform ของทางกลุ่มเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ซื้อขายในกลุ่มได้ และยังบอกกับผู้เสียหายอีกว่าหากขายสินค้าในระบบครบตามยอดที่ทาง platform กำหนดได้ ก็จะได้โบนัส ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่าในกลุ่มก็มีพ่อค้าแม่ค้าส่งข้อความในลักษณะบอกกล่าวสมาชิกว่า สมาชิกบางคนได้เงินและโบนัสจาก platform จริง จึงทำการสมัคร ทั้งยังเคยทดลองถอนเงินก็พบว่าถอนเงินได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า platform ดังกล่าวสามารถใช้ได้จริง ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ จึงติดต่อไปยังแอดมินของกลุ่ม ได้รับคำตอบว่ามีการทำรายการผิดพลาด ต้องมีการโอนเงินเพื่อเป็นค่าแก้ระบบ โดยผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนไปที่บัญชีของผู้ต้องหานี้ จำนวน 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 943,497 บาท เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี จนศาลออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
ต่อมาตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำข้อมูลสืบสวนและติดตามผู้ต้องหา จนทราบว่านอกเหนือจากที่ถูกดำเนินคดีในพฤติกรรมก่อนหน้านี้แล้ว ยังถูกออกหมายจับในความผิดลักษณะเดียวกันอีก 1 หมายจับ ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี จึงได้ดำเนินการสืบสวนเพื่อทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานี้เรื่อยมา จนทราบว่าผู้ต้องหานี้ได้หลบหนีมาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหานี้ทำงานอยู่ที่บริษัทดังกล่าวจริง จึงควบคุมตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเตือนภัย ควรมีสติในการทำธุรกิจต่างๆ ว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และควรตรวจสอบข้อมูลของบัญชีธนาคารปลายทางก่อนทำการโอนเงินทุกครั้ง