พ่อนายกฯเร่งปั่นผลงานให้ลูก ตัวผบ.ตร.เองเด้งรับเร่งสปีดขับเคลื่อนสนองนโยบายเห็นผลชัด แต่ รอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร.ต้องไม่นั่งชิลๆ แบบทุกวันนี้

1873


  “       ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนถ้าอยากจะสร้างผลงานให้เห็นทันตา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นองค์กรแรกที่ถูกเลือก เพราะมีภาระหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน เมื่อภัยอาชญากรรมทุกชนิดถูกจัดการ ชีวิตจะเป็นสุข รัฐบาลได้หน้าได้ผลงาน

         ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร พ่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้ถึงแนวทางนี้เป็นอย่างดี ในยุคที่เป็นนายกรัฐมนตรี เคยสั่ง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)สมัยนั้น ไปช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลจนเกษียณอายุ เพราะไม่สนองนโยบายอย่างเต็มที่

          จึงไม่ใช่เรื่องแปลกทุกเวทีที่นายทักษิณ ขึ้นปราศรัย จะประกาศให้ตำรวจเร่งจัดการกับภัยอาชญากรรมโดยพุ่งเป้าให้ลุย 3 ภัยใหญ่ๆคือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล

       พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เจ้าสำนักปทุมวัน มีความมุ่งมั่นจะกู้วิกฤติศรัทธาขององค์กรอยู่แล้ว จึงเด้งรับเต็มที่เพราะเสมือนมีกำแพงให้พิง ด้วยการออกคำสั่งและมาตรการต่างๆไม่ว่าเป็นคำสั่งเร่งรัดให้สืบสวนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งได้รับการตอบสนองจากพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นอย่างดี อาทิ เดินหน้าประสานความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ ร่วมหารือกับนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน เพื่อหนุนช่วยการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ เป็นต้น

            ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.)ตอบสนองเต็มที่เช่นกัน มีทั้งร่วมประชุมหารือกับนายหลิว จงอี ทำข้อตกลงร่วม 6 ข้อกับทางการจีนเพื่อปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และใช้สื่อโซเซียลเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ 22 เว็บมิจฉาชีพ ที่ถูกปราบปรามแล้วแต่มิจฉาชีพบางกลุ่มยังใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงชาวบ้านอยู่ และผลงานสืบสวนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง        

      ส่วนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ออกคำสั่งทั้งวาจาและหนังสือ กำชับให้ รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วยผบ.ตร. ผบช.ปส. ผบช.ภ.1-9 ผบช.น. เร่งปราบปรามอย่างจริงจังมา โดยตลอด และล่าสุดออกคำสั่งศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ โดยบูรณาการกำลังร่วมกันของหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างอย่างจริง ซึ่งเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมทุกประเภทที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชน

     มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผบ.ตร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ฯ และเพื่อง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ในคำสั่งระบุพฤติกรรมของที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลไว้ 17 ข้ออาทิ นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ฮั้วประมูล  และลักลอบขนสินค้าเถื่อน เป็นต้น

       ครั้นมาส่องถึงเนื้องานหลังมีคำสั่งแบ่งงาน และคำสั่งกำชับให้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ จะพบว่ามี รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร.แทบจะไม่ได้แสดงบทบาทตามที่มอบหมายมากนัก บางคนหนักไปทางเปิดงานตัดริบบิ้น ยกเว้น พล.ต.อ.ธัชชัย และพล.ต.ท.อัคราเดช ที่ลุยงานแบบเต็มสูบ หรืออาจเป็นรองฯและผู้ช่วย ผบ.ตร.คนอื่นมองว่าไม่มีอำนาจเต็มกับงานที่ได้รับมอบหมาย

      ส่วน ระดับ ผบช.ที่โชว์ผลงานโดดเด่นคงเส้นคงวาแถลงผลงานเกือบทุกวันจะมีเพียง ผบช.สอท. ผบช.ก.และ ผบช.น. แตกต่างกับผบช.ภ.1-9 ผลงานดูจะไม่หวือหวาแถมส่อไปในทางที่จะเงียบแบบรักษารูปมวย ขณะที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนฯภาค 1-9 แทบจะไร้ผลงานที่แถลงให้ประชาชนทราบ ซึ่งบริบทเหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมของสำนักงานตำรวจแหง่ชาติมากนัก เพราะจะทำให้ประชาชนหรือแม้แต่ตำรวจด้วยกันเข้าใจว่าต่างอยู่ในอาการเกียร์ว่าง

    แต่ที่งานขยับและปรากฏตามสื่อต่างๆส่วนใหญ่เกิดจากแรงกระตุ้นของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แทบทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่ประชาชนหรือสื่อสำนักต่างๆจะเห็นตำรวจระดับ ตร.ส่วนใหญ่ทำงานกันแบบชิลๆซึ่งปรากฏการณ์ลักษณะนี้อาจจะส่งผลต่อเก้าอี้ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ก็เป็นได้ เพราะหลังเลือกตั้งนายกอบจ.และส.อบจ.เสร็จสิ้น เชื่อว่านายทักษิณ จะส่งสัญญาณให้สำนักสีกากี ขับเคลื่อนงานแบบเต็มสูบตามที่สัญญากับชาวบ้าน เพื่อให้ประชาชนสัมผัสได้ถึงผลงานของรัฐบาล

     ดังนั้นเพื่อให้ 3 ภัยใหญ่ถูกขจัดโดยเร็ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องใช้มาตรกระตุ้นแบบเข้มข้นเพื่อให้บรรดา รอง ผบ.ตร.รวมถึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และระดับ ผบช.ต้องสนองงานอย่างเต็มที่ โดยใช้วิธีมอบอำนาจบริหารจัดการทุกหน้างานแบบเบ็ดเสร็จพร้อมประกาศว่าหากละเลยจะถูกดำเนินการตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ทันที แล้วเชือดไก่ให้ลิงดูสัก 2-3 กรณี เชื่อว่าจะช่วยให้รัฐบาลมีผลงานอวดฝ่ายค้านและชาวบ้านอย่างแน่นอน

    แต่ถ้าบรรดาบิ๊กตำรวจยังทำงานแบบชิลๆต้องรอให้ ผบ.ตร.คอยกระตุ้น โอกาสที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะซ้ำรอยแบบ พล.ต.อ.สันต์ มีสูงเช่นกัน !!!