Fair Now or Never! TIJ ผนึกกำลังภาครัฐ เอกชนและประชาสังคมเร่งยกระดับ “หลักนิติธรรมไทย”

639

Fair Now or Never! TIJ ผนึกกำลังภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เร่งยกระดับ “หลักนิติธรรมไทย”
สร้างความเป็นธรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจ เสริมศักยภาพการแข่งขันสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน

เพื่อเพิ่มโอกาสในการยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศไทย สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIJ ร่วมกับ World Justice Project และ The Standard จัดงาน Thailand Rule of Law Fair งาน แฟร์เพื่อความแฟร์ ในหัวข้อ “Investing in the Rule of Law for a Sustainable Future” ในวันศุกร์ที่ 7 และวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 บนพื้นที่ TIJ Common Ground อาคาร TIJ ถนนแจ้งวัฒนะ ให้ เป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนมุมมอง นำเสนอแนวคิดวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจปัญหาหลักนิติธรรมที่มี ความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับการพัฒนาประเทศอย่างลึกซึ้งถึงในระดับโครงสร้าง เน้นที่การจัดกิจกรรมสร้าง ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และทำให้หลักนิติธรรมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น และมุ่งหวังให้เป็นพื้นที่รวบรวม เครือข่ายคนทำงานและผู้มีอุดมการณ์มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย

ความเป็นรูปธรรมของหลักนิติธรรมไทย ดูได้จากค่าคะแนน “ดัชนีชีวัดหลักนิติธรรม” (Rule of Law Index) ซึ่ง The World Justice Project ทำการวัดและจัดลำดับหลักนิติธรรมทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และเปิดเผยว่า ใน พ.ศ. 2567 ประเทศไทยได้คะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม 0.50 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 78 จาก 142 ประเทศทั่วโลก โดยถือว่ามีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.55 คะแนน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.59 คะแนน โดยมีถึง 7 ตัวชี้วัด จากทั้งหมด 8 ตัวชี้วัด ที่ประเทศไทยทำคะแนนได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ได้แก่ การจำกัดอำนาจรัฐ การเปิดเผย ข้อมูลภาครัฐ การปราศจากคอร์รัปชัน สิทธิเสรีภาพของประชาชน การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ทางแพ่ง และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

การยกระดับหลักนิติธรรม ถือเป็นความท้าทายที่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่กระบวนการหารือ (accession discussions) เพื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development: OECD) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 และต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ในการร่วมกันเสนอแนะและแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานภายในประเทศให้สอดคล้องกับ มาตรฐาน OECD ทั้งหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ การแข่งขันทาง การค้าที่เป็นธรรม การศึกษา แรงงาน การพัฒนาเชิงพื้นที่ สิ่งแวดล้อม และดิจิทัล เป็นต้น

ทั้งนี้ หากจะให้คำนิยามคำว่าหลักนิติธรรม อาจนิยามกว้าง ๆ ได้ว่า เป็นหลักการปกครองที่ถือกฎหมาย เป็นใหญ่ ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ใช้กฎหมายเป็นใหญ่ กฎหมายต้องบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอหน้า กฎหมายต้องมาจาก กระบวนการที่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย และต้องเป็นหลักที่รัฐไม่สามารถใช้อำนาจไปละเมิดสิทธิของ ประชาชนได้

ในการจัดงานครั้งนี้ ศ.(พิเศษ) ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่ง ประเทศไทย (TIJ) กล่าวว่า สัญญาณที่ดีวันนี้คือการที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะนำประเทศไทยสู่การเป็นประเทศ พัฒนา หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD โดยมีการฟื้นฟูหลักนิติธรรมเป็นรากฐาน วันนี้สามารถเห็นปัญหาได้อย่างชัดเจน และถึงเวลาแล้วที่จะต้อง เร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจและสังคมขึ้นมาสนับสนุน ระบบนิเวศนี้จำต้อง ประกอบด้วยหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และการติดตามตรวจสอบความรับผิดรับชอบ หรือที่เรียกว่า Accountability ได้ จึงจะนำไปสู่ผลสำเร็จในการแก้ปัญหา

งาน Thailand Rule of Law Fair งานแฟร์เพื่อความแฟร์ ยังได้รับเกียรติจากนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวเปิดงาน พร้อมมีปาฐกถาพิเศษจาก นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธาน ศาลฎีกา, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, Dr. Alehandro Ponce จาก The World Justice Project, Ms. Niamh Collier Smith จาก UNDP และ Dr. Tatyana Teplova ผู้แทนจาก OECDอีกทั้งยังได้รับเกียรติจากผู้นำองค์กรชั้นนำในประเทศไทยอีกหลายท่าน มากล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “เปิดวิสัยผู้นำ : ลงทุนกับนิติธรรม หลักประกันอนาคตที่ยั่งยืน” ดังนี้

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะกล่าวถึงความจำเป็นที่ประเทศ ไทยในการปฏิรูปฟื้นฟูหลักนิติธรรม ด้วยการตัดลดกฎหมายที่ล้าสมัยอย่างเร่งด่วน หากต้องการจะไปแข่งขันไดใ้ น เวทีโลก เพราะไทยมีกฎหมายที่ซ้ำซ้อนกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดต้นทุนแฝงจำนวนมหาศาลในการทำธุรกิจที่ ต้องขออนุมัติหรือขออนุญาตรายทาง จนเป็นช่องทางทำให้เกิดการคอร์รัปชันอย่างเรื้อรัง

ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวถึง ความสำคัญของหลักนิติธรรมกับการสร้างตลาดทุนให้มีความน่าเชื่อถือ และมี สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมพัฒนาสินทรัพย์ลงทุนและตลาดใหม่ ๆ ปลดล็อกการพัฒนาของประเทศและ สร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านมุมมองจากประสบการณ์ในการทำงานด้านกระบวนการยุติธรรมและการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะ กล่าวถึง ความท้าทายและพัฒนาของตลาดหลักทรัพย์ในการส่งเสริมหลักนิติธรรม ดังเช่นการจัดระบบข้อมูลด้าน ความยั่งยืน ESG Data Platform เพื่อสร้างความโปร่งใส การส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และความพยายามตัดลดกฎหมายที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) จะกล่าวถึง ความพร้อมของประเทศไทยที่ต้องก้าวตามเทรนด์ของโลกในด้านต่าง ๆ ซึ่งสัมพันธ์กับหลัก นิติธรรม และยังเป็นวิกฤตของประเทศ ทั้งเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจนอกระบบ เทคโนโลยีสีเขียว รวมทั้งแนวทาง การพัฒนากรอบกฎหมายให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือเพื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็นสากลอย่าง OECD

นายวิเชียร พงศธร นักลงทุนเพื่อสังคมและประธานกรรมการกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ จะกล่าวถึง ปัญหา ความเหลื่อมล้ำที่เป็นรากฐานปัญหาหลักนิติธรรมของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีแนวทางการแก้ปัญหาแบบใหม่อย่าง เป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอาศัยความร่วมมือของภาคประชาสังคมและสร้างกลไกที่ช่วยเสริมพลังของภาค ประชาชนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

ดร. มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จะกล่าวถึง ความเชื่อมโยงระหว่างการคอร์รัปชันกับระบบสังคมและกระบวนการยุติธรรมไทย ที่กำลังเป็นจุดบดบังการเติบโตของประเทศ เพราะทำให้งบประมาณถูกนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ แต่ไม่มีงบประมาณสำหรับการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีวงเสวนาในประเด็นที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักนิติธรรมในมิติอื่น ๆ อาทิ รัฐธรรมนูญ การปฏิรูปกฎหมาย และการอำนวยความยุติธรรม, รัฐบาลโปร่งใสและการเปิดเผยขอ้ มูล, ความยุติธรรมในมุมมองของประชาชน, ความยุติธรรมสิ่งแวดล้อม, นวัตกรรมเพื่อความยุติธรรม, Youth Dialogue, ภาพยนตร์เพื่อความยุติธรรม, นิทรรศการหลักนิติธรรม และตลาดเครือข่ายสร้างสังคมยุติธรรม เป็นต้น

ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ กล่าวถึงงานในครั้งนี้ว่า หวังว่างาน Thailand Rule of Law Fairงานแฟร์เพื่อความแฟร์ จะเป็นส่วนช่วยให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับนิติธรรม ในมิติที่จะช่วยเพิ่ม ศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งต้องเริ่มต้นที่วันนี้ ตอนนี้ เพื่อนำไปสู่การสร้างรากฐานสู่อนาคตที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ประชาชนเชื่อมั่นในการ บริหารประเทศ ดึงดูดนักลงทุนและนักธุรกิจจากทั้งในไทยและต่างประเทศ เอื้อให้สังคมโดยรวมมีเศรษฐกิจเติบโต

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์