ที่รัฐสภา วันที่ 14 มกราคม นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายถึงร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ว่า จากที่มีการเสนอให้แก้ไขทั้งสิ้น 4 หลักการ ซึ่ง 2 หลักการในนั้นทางพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีข้อขัดข้องเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อการประชุมของรัฐสภา ได้แก่ การนัดประชุมผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และการแก้ไขรายงานการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี มีอีก 2 ประเด็นที่พรรคเห็นว่าจะมีผลกระทบอย่างสูง คือเรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ทางพรรคไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขข้อบังคับการประชุมในครั้งนี้ โดยเฉพาะข้อ 123 แห่งข้อบังคับการประชุมที่จะมีการแก้ไข ที่เสนอให้มีบุคคลภายนอกดำรงตำแหน่งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมาธิการ ซึ่งเป็นรูปแบบคล้ายกับการแก้ไขกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ
นายอัครเดชอภิปรายว่า รัฐธรรมนูญต่างจากกฎหมายในระดับชั้นอื่น ๆ โดยเฉพาะความสำคัญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การที่จะเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมพิจารณามีความสุ่มเสี่ยงที่จะได้บุคคลที่ขาดคุณสมบัติของสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งที่ผ่านมาในการแก้ไขกฎหมายประชามติที่มีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาความเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งกรณีดังกล่าวก็ไม่มีการตั้งบุคคลภายนอกมาร่วมพิจารณาแต่อย่างใด
“ดังนั้นในการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ จึงไม่ควรมีบุคคลภายนอก เนื่องจากการร่วมเป็นคณะกรรมาธิการร่วมกันของรัฐสภาควรเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจมาจากประชาชน มาจากรัฐธรรมนูญผ่านช่องทางต่าง ๆ และที่สำคัญเนื่องจากร่างแก้ไขข้อบัญญัติในครั้งนี้มีการเสนอหลักการร่วมกันมา 4 ข้อ แม้ไม่เห็นด้วยเพียง 1 ข้อ แต่หากมีการรับหลักการร่างแก้ไขในครั้งนี้ ย่อมหมายถึงว่าเห็นด้วยกับหลักการในการแก้ไขทั้ง 4 ข้อ จึงเป็นที่มาของมติพรรครวมไทยสร้างชาติที่จะไม่รับหลักการการแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาในครั้งนี้” สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษก รทสช. กล่าว
