แวดวงสีกากีต่างทราบกันดีว่าในห้วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อผลการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทั้งนายพลใหญ่และนายพลเล็ก ออกมาสื่อทุกสำนักจะพาดหัวข่าวในทำนองเดียวอันอาทิ เด็กในคาถา ของรัฐบาล ชักแถวผงาด ยึดบช.หลัก คุมพื้นที่ทอง หรือ ตำรวจสายคสช.พาเหรดนั่ง ผบช.-ผบก. หรือ ตั๋วฝาก รัฐบาลเข้าเป้าทุกตำแหน่ง เป็นต้น
ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความปวดร้าวให้กับตำรวจที่ไร้เส้น ไร้เงิน แต่มีผลงาน เพราะแทบจะไม่เห็นเส้นทางที่จะก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นแต่อย่างใด
แต่มาถึงยุคของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) สำนวนพาดหัวข่าวเชิงเสียดสีกลับหายไป ไม่ว่าจะเป็นระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบช. หรือระดับ
รอง ผบช.-ผบก. ที่ผ่านมาสดๆร้อน โดยมีสำนวนเชิงสรรเสริญหรือยกเครดิตให้ ผบ.ตร.ที่จัดสรรตำแหน่งได้ลงตัว แบบไร้เสียงยี้ มาแทนที่
อย่างกรณีการแต่งตั้ง รอง
ผบช.-ผบก. มีขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม ก่อนถึงวันดีเดย์ประมาณหนึ่งสัปดาห์ สื่อทุกสำนักต่างคาดการณ์ว่าฝ่ายการเมืองรัฐบาล พ่อลูก ล้วงลูกแบบเต็มสูบ เพราะมีข่าวสะพัดว่าตั๋วฝากปลิวว่อน ถึงขั้นเกรงกันว่าสีกากีที่ไร้ผลงานจะแจ้งเกิดกันทั่วหน้า โดยอาศัยช่องว่างที่ผู้บริหารสำนักงานแห่งชาติ ไม่ได้วางแนวทางที่ชัดเจนให้กับคณะกรรมการ ระดับ บช.พิจารณาว่าจัดทำโผอย่างไร โดยเฉพาะ 50 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ความรู้ความสามารถมาประกอบกับหลักอาวุโส
แต่เมื่อถึงวันที่ 10 มกราคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)นั่งหัวโต๊ะหารือร่วมกับ ก.ตร. บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี รอง ผบก.อาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์ขยับเป็น ผบก.ทุกนาย หลายตำแหน่ง ก.ตร.ทักท้วงว่าผิดฝาผิดตัว พร้อมอธิบายเหตุผล นายกรัฐมนตรียอมฟังเหตุผลเพราะผลงานตำรวจ นั่นคือ ผลงานรัฐบาล ในฐานะกำกับ ดูแลเป็นประธาน ก.ตร. ประชุมได้ 3 ชม.แล้วเดินทางกลับ ยอมถอยพร้อมกับมอบให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แก้ไขด้วยการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองใหม่
เมื่อโผที่ผ่านกลั่นกรองรอบ 2 เท่าที่ทราบมีถึง 35 ชื่อ ถูกนำเข้าที่ประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ชี้แจงถึงเหตุผลให้ ก.ตร.รับทราบ แม้กระทั้ง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ตงฉิน ตัวจี๊ด ยังยอมรับ ว่าอยู่ในระบบคุณธรรมแล้วประชุมกันต่อจนถึงเวลา 20.00 น.การประชุมเสร็จสิ้น โดยภาพรวมการพิจารณายึดหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
เมื่อโผหลุดถึงมือสื่อมวลชน มีการพิจารณาวิเคราะห์พบว่าส่วนใหญ่เป็นไปตามหลักเกณฑ์บวกความรู้ความสามารถ และตรงตามที่สื่อมวลชนคาดการณ์ อาทิ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล(ผบก.สส.บช.น.) นักสืบมือฉมังขยับเป็น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. มากด้วยผลงานขยับเป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.โยกไปเป็นรอง ผบช.สอท. เพื่อไปช่วยสานเก่าในคดีสำคัญกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เกาะติดคดีสำคัญที่อดีตนายตำรวจใหญ่ ถูกกล่าวหา เป็นต้น
ถ้าตรวจสอบรายชื่อระดับ รอง
ผบก.ขยับขึ้นเป็น ผบก. จะพบความแตกต่างกับในอดีต เพราะที่ผ่านมาระบบวิ่งเต้น ตั๋วฝากพร้อมปัจจัยแนบท้ายจะคึกคักเป็นพิเศษ รอง ผบก.ที่ขยับขึ้นในหน่วยหรือใน บช.มีน้อยมาก แต่ครั้งนี้กลับขยับขึ้นในหน่วยหรือ บช.ที่สังกัดค่อนข้างมาก อาทิ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป.ขยับเป็น ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง รอง ผบก.สปพ. ขยับเป็น ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ. ขยับเป็น ผบก.ปอศ.
พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง
ผบก.สอท. 1 ขยับเป็น ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 ขยับเป็นมผบก.สอท. 2 พ.ต.อ.เจษฏา สวยสม รอง ผบก.น.8 ขยับเป็น ผบก.น.2 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างนาม รอง ผบก.น.8 ขยับเป็น ผบก.จร. พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยคำแก้ว รอง
ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ขยับเป็น
ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ขยับเป็น ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด และ พ.ต.อ.อุกกฤษฎ์ ทรงชัยสงวน รองมผบก.ภ.จว.มหาสารคาม ขยับเป็น
ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม เป็นต้น
การแต่งตั้งลักษณะนี้น่าจะเกิดผลดีทั้งในส่วนตำรวจที่ได้ผู้บังคับบัญชาจากในหน่วย ที่รู้งานและรู้ปัญหาภายในหน่วย จะแก้ปัญหาต่างๆได้รวดเร็วโดยไม่ต้องไปเริ่มเรียนรู้งานหรือรับทราบปัญหาใหม่ และจะเกิดผลดีกับประชาชนเพราะสามารถวางการทำงานได้ทันที ผลงานจะออกมาอย่างไรต้องติดตามดู แต่การแต่งตั้งในทำนองนี้ จะช่วยให้ตำรวจในหน่วยเกิดความรู้สึกว่าพอที่จะได้เห็นเส้นทางที่เติบโตบ้าง
ดังนั้นเครดิตที่โผแต่งตั้งโยกย้ายออกมาแบบมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาตลอดเกือบ 10 ปี ต้องยกให้ ทั้ง“ ตัว สร.1 ”ที่มอบพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เพราะได้ทำตามที่พูดว่ายึดมั่นในหลักเกณฑ์ พิจารณาแต่ละตำแหน่งด้วยความรอบครอบ คัดคนที่เหมาะสมกับงาน
จากบริบทที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แสดงออกมาพอที่จะทำให้ตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว. ได้เห็นความก้าวหน้าในการแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังจะมาถึง และยิ่งรู้สึกอุ่นใจกับคำประกาศที่ว่า”การซื้อขายตำแหน่ง จะไม่ให้เกิดขึ้นเลย ถ้ารู้ว่าผบช.หรือ ผบก.คนใดไปใช้อำนาจที่มีอยู่ไปทำ สิ่งแรกที่ทำคือย้ายประจำ ตร.เลย เพราะต้องการให้การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นได้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม จะเป็นจริงแค่ไหนต้องติดตาม
แต่เชื่อว่าจะเป็นจริงเพราะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยบอกว่า”ตำรวจที่กินเลือดตำรวจคิดว่าเป็นตำรวจที่มีพฤติกรรมที่เลวร้ายมากกว่าที่ไปทำความเสื่อมเสียต่อองค์กรเสียอีก ถือว่าแย่ที่สุด คิดว่าอดีตผู้บังคับบัญชาในอดีตพยายามแก้ไข แต่ในยุคผมต้องไม่มีเลย” วาทะนี้พอที่จะการันตีได้ !!!