เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลได้ตรวจสอบพบว่ามีโจรใจบาปออกตระเวนงัดตู้บริจาคของวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.จึงสั่งการให้พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.จัดทีมสืบสวนทำการติดตามจับกุมร่วมกับ สืบสวน สน.บางรัก จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายวรกันต์ ซึ่งมีประวัติลักทรัพย์ติดตัวอยู่เนื่องจากเป็นคดีที่ทำลายจิตใจชาวพุทธ และเป็นที่สนใจของประชาชนตามพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น.
.
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย, พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง และ พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.รณฤทธิ์ กิตติมาศ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปณวัฒน์ จอกสุวรรณ์ , ร.ต.อ.ปิ่น มหถาวร รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกับ พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญผกก.สน.บางรัก พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก จับกุมตัวนายวรกันต์ กะโห้ทอง อายุ 22 ปีที่อยู่ 55/361 ม.4 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานครผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1189/2567 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2567กระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ , โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นไปด้วยประการใดๆ”จับกุม ที่ลานจอดรถวัดบางประทุนนอก แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
.
โดยพฤติการณ์การกระทำความผิด คือ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ได้มีคนร้ายได้มาทำทีกราบไหว้พระพุทธรูป บริเวณในพระวิหารพระนอนของวัดแห่งหนึ่ง และได้แอบอยู่หลังพระวิหารพระนอน จนทางวัดได้ปิดประตู แล้ว คนร้ายจึงได้ทำการงัดตู้บริจาคและได้นำเงินสดบริจาคหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก สนธิกำลัง ลงพื้นที่สืบสวนจนได้ภาพของผู้ต้องหา และติดตามจับกุมผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง นอนตามที่สาธารณะ แต่ก็สามารถติดตามจนจับกุมตัวผู้ต้องหาได้
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหารับว่าเงินบริจาคนั้น ตนเอาไปซื้อเฮโรอีนมาเสพ เพื่อรักษาโรคประจำตัวของตนเอง และนำไปจ่ายหนี้ของตนเอง จากการตรวจสอบเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังพบอีกว่ามีคนร้ายได้ไปก่อเหตุในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ภายในอุโบสถวัดแห่งหนึ่งพื้นที่ สน.บุปผาราม
.
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำผิดผู้ต้องหามีประวัติการกระทำผิดโดยการงัดเพื่อลักทรัพย์เอาทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง คือ 1.สน.สมเด็จเจ้าพระยา เลขคดีอาญาที่ 359/2565 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยมีอาวุธฯ” (ลักเงินในตู้บริจาคริเวอร์ไซด์เฮอริเทจ เดสดติเนชั่น ถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 2.สน.บางขุนเทียน เลขคดีอาญาที่ 329/2566 ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ งัด ตู้เติมเงินบุญเติม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรักเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าผู้ต้องหาเป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนในประชาชน และยังเป็นบุคคลเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องรีบจับกุมตัวมาดำเนินคดี ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง ตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในบริเวณที่อยู่ของตนอย่างรอบคอบ ติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุม และคอยเป็นหูเป็นตาให้กัน