รอง ผบช.น. แถลงข่าวจับกุม “แก๊งอาชญากร” อ้างตัวเป็น “ตำรวจ” ปล้นทรัพย์ชาวต่างชาติ

45

รอง ผบช.น. แถลงข่าวจับกุม “แก๊งอาชญากร” อ้างตัวเป็น “ตำรวจ” ปล้นทรัพย์ชาวต่างชาติ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 29 พ.ย.ที่สน.ลาดพร้าว พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 พ.ต.ท.ธรรศพงศ์ พัฒนกิตติสกุล รรท. ผกก.สน.ลาดพร้าว และชุดสืบสวน บก.สส.บก.น.4 และสืบสวน สน.ลาดพร้าว จับกุม 3 ผู้ต้องหาแอบอ้างเป็นตำรวจปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติดังนี้

นายกิตติชัย โอวาทศิริวงศ์ หรือ กุ่ย/โน้ต ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5782/2557 ในข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น” โดยจับกุมได้ที่โรมแรมแห่งหนึ่ง ในอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และนายพงษ์พัฒน์ ตันจันทร์ หรือ ฟี่หมายจับศาลอาญา 5783/2557 ในข้อหาเดียวกัน ส่วนอีก 1 รายที่ยังหลบหนี คือ นายฐิติพงษ์ พรหมเจริญ หรือ ปาล์ม หมายจับศาลอาญา 5781/2557

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายชาวต่างชาติ 2 คน ซึ่งได้เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม เพื่อจะท่องเที่ยวในประเทศไทย และได้นัดเจอกับเพื่อนชาวไทยเพื่อให้พานำเที่ยวในประเทศไทย โดยนัดหมายที่ร้านนิมมาน ถนนคลองลำเจียก ซอยคลองลำเจียก 31 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. เพื่อมารอรับรถยี่ห้อเอ็มจี รุ่น ZS สีขาวระหว่างที่นั่งรอเพื่อนชาวไทยได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ จำนวน 3 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว แต่งกายคล้ายตำรวจ สวมเสื้อเกราะ เสื้อคลุม และห้อยบัตรเจ้าพนักงาน อีกทั้งยังพกพาวิทยุสื่อสารและอาวุธปืน เข้ามาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาทำการตรวจค้น โดยอ้างว่ารถยนต์ยี่ห้อเอ็มจีคันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่ถูกใช้ในการขนส่งยาเสพติดจำนวนหลายครั้ง และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเฝ้าดูมาโดยตลอด และจะขอตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว

ทั้งนี้เนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 2 เป็นชาวเวียดนาม ไม่สามารถฟังและเข้าใจภาษาไทยได้ โดยสื่อสารผ่านทาง “กูเกิ้ลทรานสเลท” ด้วยความกลัวของผู้เสียหาย ซึ่งไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงยินยอมให้คนร้ายทั้ง 3 ทำการตรวจค้น คนร้ายทั้ง 3 ขอทำตรวจสอบพาสปอร์ตและได้ตรวจค้นกระเป๋าสะพาย (ภายในมีเงินสด 120,000 บาท และกุญแจรถยนต์)

จากนั้นนายกิตติชัย หรือ กุ่ย ซึ่งเป็น 1 ในคนร้าย ทำการยึดกระเป๋าของผู้เสียหาย และเดินออกจากห้องไป โดยให้คนร้าย 2 คนที่เหลือ เฝ้าจับตาดูผู้เสียหาย อีกทั้งยังมีการนำอาวุธปืนลูกโม่มาถือไว้ในมือ ผู้เสียหายทั้ง 2 จึงไม่กล้าขัดขืน จนกระทั่งนายกิตติชัยนำกุญแจรถยนต์จากกระเป๋าของผู้เสียหายไปไขรถยนต์ ยี่ห้อเอ็มจี คันดังกล่าว และขับขี่หลบหนีไปทันทีโดยใช้เส้นทาง ถ.เกษตร-นวมินทร์ จากนั้นคนร้าย 2 คนที่คุมตัวผู้เสียหายไว้ ได้เดินออกจากห้องที่เกิดเหตุ คนร้ายข่มขู่ผู้เสียหายด้วยว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างปฎิบัติหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติดหากขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการใช้กำลัง

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า หลังจากก่อเหตุเสร็จคนร้ายทั้ง 2 ได้เดินออกไปและขึ้นรถยนต์โตโยต้า ของคนร้ายหลบหนีไป ตาม ถ.เกษตร-นวมินทร์ จนกระทั่งผู้เสียหายรอเป็นเวลาเนิ่นนาน จึงออกจากห้องมาดู พบว่ารถยนต์ของตน และเงินสดจำนวน 120,000 บาท ถูกคนร้ายนำไปแล้ว เมื่อเพื่อนชาวไทยของผู้เสียหายมาถึง และทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงพามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว โดย ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ จนได้ตำหนิรูปพรรณของคนร้าย 3 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์สินชาวเวียดนาม และตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายมาโดยตลอด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามหาข้อมูลจนกระทั่งได้พยานหลักฐานพอสมควรที่จะออกหมายจับ จึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับ และสามารถสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย อีก 2 รายหลบหนี และจะเร่งรัดจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายจนครบทุกราย

จากการสอบสวนนายกิตติชัย ให้การว่า วันเกิดเหตุ นายฐิติพงษ์ และนายพงษ์พัฒน์ ได้ชวนตนเองไปยังร้านนิมมาน เพื่อตั้งใจไปปล้นทรัพย์ชาวเวียดนาม ซึ่งตนเองเห็นว่ากำลังขาดแคลนเงิน และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ ไม่น่ามาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังก่อเหตุตนเองได้เงินส่วนแบ่ง จำนวน 40,000 บาท ส่วนรถยนต์ของผู้เสียหาย นำไปส่งให้นายใหญ่ ที่ตลาดย่าน
สายไหม จากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี จนกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด

จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย มีคดีดังนี้

1.นายกิตติชัย โอวาทศิริวงศ์ เคยถูกจับกุมข้อหา ลักลอบเล่นการพนัน(ไฮโล) ฯ สน.ทุ่งมหาเมฆ ปี 2557, ครองครองยาเสพติดประเภท 1 (เมตแอมเฟตามีน) สน.ปทุมวัน ปี 2557 และร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจร (จักรยานยนต์) สน.ปทุมวัน ปี 2563

2.นายฐิติพงษ์ พรหมเจริญ ข้อหาครอบครองยาเสพติด ,ลักทรัพย์รับของโจร สภ.สัตหีบ ปี 2555, ยักยอก สน.บางขุนเทียน ปี 2559, ฉ้อโกง 6 คดี สภ.ปราณบุรี ปี 2561, สภ.สัตหีบ, สภ.พระสมทรเจดีย์, สภ.ช้างเผือก, สน.ราษฎร์บูรณะ ปี 62 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สภ.แม่ปิง ปี 2565, สภ.จะแนะ, สน.ทองหล่อ ปี 2567 และ

3.นายพงษ์พัฒน์ ตันจันทร์ ข้อหาชิงทรัพย์ สน.บางนา ปี 2556

สำหรับกรณีดังกล่าวส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายอย่างมากและส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวโดยตรง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่เป็นเพียงพลเรือนที่มีการแอบอ้างเท่านั้น ขอให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในความปลอดภัยและประเทศไทยพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวในทุก ๆ ชาติ ซึ่งทางตำรวจได้มีมาตราการในการป้องกันดูแลนักท่องเที่ยว โดยมีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจนครบาล เพื่อดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามายังประเทศไทย

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ข่าวอาชญากรรมวันนี้