เปิดโปงแฉสารพัดเล่ห์ไอ้เห็บตำรวจ ภ.1 อ้างหน่วยงานรัฐ ”ต้ม-ตุ๋น-ตบทรัพย์”

3912



 ในช่วง 2-3 เดือนนี้ข่าวสารเกี่ยวกับการตบทรัพย์ ต้มตุ๋น หลอกลวงของแก๊งมิจฉาชีพถูกนำเสนอออกมาเป็นระยะ ทั้งพฤติกรรมทำกันเป็นทีมสร้างคอนเทนต์จ้างคนมีชื่อเสียงมาช่วยโฆษณาชวนลงทุน หรือใช้วิชาชีพของตัวเองหลอกลวงแล้วตบทรัพย์ หรือพฤติกรรมสร้างภาพเป็นนักร้องเรียนแล้วหาช่องตบทรัพย์   รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อาละวาดหลอกเงินชาวบ้านสร้างความเสียหายให้กับประเทศปีละนับหมื่นล้านบาท

      พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนพัฒนาไปตามความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่สื่อโซเชียลเข้ามาอิทธิพลในชีวิตประจำวันค่อนข้างสูง กลายเป็นช่องว่างให้แก๊งมิจฉาชีพสอดแทรกเข้ามาต้มตุ๋นได้ง่ายถึงแม้พฤติกรรมของแก๊งมิจฉาชีพจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่พฤติกรรมแบบดั้งเดิมพวกนี้สามารถนำออกมาใช้ได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะพวกมิจฉาชีพที่ใช้หน่วยงานรัฐมาแอบอ้างหาประโยชน์

      ซึ่งพวกมิจฉาชีพกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเข้าไปตีสนิทหรือสร้างความคุ้นเคยกับบรรดาข้าราชการที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือหาประโยชน์ได้ บางคนถึงขั้นอัพเกรดตัวเองด้วยการเรียนถึงขั้นเป็นดอกเตอร์แล้วใช้ดีกรีความเป็นดอกเตอร์หาประโยชน์จากเอกชน โดยอ้างความใกล้ชิดกับบิ๊กราชการ เป็นวิธีที่มีมายาวนานและยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน สร้างความเดือดร้อนให้สุจริตชนเป็นจำนวนมาก

      นอกจากนี้ยังมีประเภททำทีเป็นร่วมมือแล้วฮุบไปเอง ขอยกตัวอย่างผู้เสียหายรายหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อเล่าให้ฟังว่า ตลาดแห่งหนึ่งในเขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดให้เช่าพื้นที่จอดรถชั่วคราวช่วงเดือนเมษายน 2567 เจ้าของบริษัทได้รู้จักกับ“มิจฉาชีพคนหนึ่งแฝงตัวมาในคราบนักบุบุญ ไฮโซ แอบอ้างมีคอนเนคชั่นสูง”ที่เข้ามาตีสนิทแล้วหารือร่วมกันจะดำเนินธุรกิจ

       พนักงานบริษัทเตรียมเอกสารเสนอทางสำนักงานตลาดชุมชุน จนได้สิทธิ์การเช่ามา ต่อมามีการแจ้งแบบกระทันหันว่าว่าต้องนำเงิน 200,000 บาทไปวางค้ำประกัน ทางบริษัทไม่สามารถเตรียมเงินได้ทัน มิจฉาชีพคนดังกล่าวบอกว่านำเงินจากคนอื่นไปวางเรียบร้อยแล้ว

ต่อมาขอเอาเงิน 200,000 บาท ไปคืนแล้วเข้าดำเนินการ แต่มิจฉาชีพคนดังกล่าวกลับสร้างปัญหาวุ่นวาย จนเจ้าของบริษัทยอมถอยแล้วให้ใช้ชื่อบริษัทดำเนินการ ทางมิจฉาชีพบอกว่าจะให้ค่าใช้จ่ายที่ใช้ชื่อบริษัท โดยให้มาครั้งแรก 25,000 บาท แล้วบอกว่าจะใช้ชื่อแค่ เดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน เพราะจะมีการเปิดประมูลให้เช่าที่จอดรถ แต่กลับใช้ชื่อบริษัทมาถึงเดือนกันยายนไม่ได้จ่ายเงินให้ แต่มิจฉาชีพคนดังกล่าวบอกว่าจะมีการเปิดประมูลจนมาถึงเดือนตุลาคม มิจฉาชีพคนดังกล่าวเสนอว่าจะให้เงินอีก 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีและค่าใช้จ่ายที่นำชื่อบริษัทไปใช้ แต่ไม่ได้จ่ายให้แต่อย่างใด

      ต่อมามีการแจ้งว่าจะเปิดประมูล ทางเจ้าของบริษัทและทีมงานสรุปกันว่าจะยื่นประมูลสิทธิ์การเช่าพื้นที่จอดรถด้วย โดยประสานไปสำนักงานตลาดฯแสดงเจตจำนงพร้อมทำวัตถุประสงค์บริษัทเพิ่มเข้าไป เข้าไปถ่ายรูปพื้นที่ หาผู้รับเหมาเทพื้น จัดทำระบบเข้าออกลานจอดรถ

จากนั้นติดตามเรื่องวันเวลาประกาศรับซองของสำนักงานการตลาดฯ ตลอดเดือนตุลาคม จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน ได้รับแจ้งว่าประกาศยังไม่ออก ต่อมามิจฉาชีพคนดังกล่าวโทรศัพท์แจ้งว่าเขาปิดรับซองแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว พร้อมเสนอเงิน 50,000 บาท ตอบทนค่าเสียหายที่ไม่ได้เข้าประมูล ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สำนักงานตลาดฯอ้างว่าทางบริษัทไม่ตรวจสอบเองเพราะประกาศทางเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมแล้ว

    จากตัวอย่างที่ยกมาเป็นพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่เข้าข่ายลักษณะหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อแล้วทำธุรกิจร่วมกันโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงทุนอะไรเมื่อเหยื่อทำสำเร็จจะเข้าสวมรอบฮุบกิจการทันที ซึ่งมิจฉาชีพคนนี้มีพฤติกรรมตบทรัพย์ในหลายรูปแบบ อาทิ เล่นแชร์มือละเป็นแสน แต่ไม่จ่ายพอทวงถามจะคุยข่มว่ามีแต่ปืนเอาไหม? ดูมัน

    ขณะที่แวดวงตำรวจนนทบุรี ส่วนใหญ่รู้พฤติกรรมของมิจฉาชีพคนนี้เป็นอย่างดี เพราะจะไปเสาะหานักธุรกิจที่มีฐานะร่ำรวยแล้วทาบทามว่าจะวิ่งเต้นให้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.) ประจำโรงพักและกองบังคับการฯ แต่ต้องมีปัจจัยเป็นค่าตอบแทน มีนักธุรกิจหลายคนหลงคารมจ่ายเงินไปจำนวนไม่น้อย  รวมถึงทำตัวใกล้ชิดกับบิ๊กตำรวจในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 อวดอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นขอตำแหน่งให้ได้ หากตำรวจคนไหนต้องการต้องจ่ายปัจจัยติดปลายนวมด้วย นี่คือเทคนิคของพวกมิจฉาชีพที่สามารถแสวงหาประโยชน์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยใช้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐเป็นเครื่องมือ และผู้ที่ยอมเป็นเครื่องมือก็เต็มใจด้วย เพราะมิจฉาชีพมีผลประโยชน์ตอบแทนให้

   พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ถ้าเจาะหาข้อมูลกันจริงๆจะพบว่ามีอยู่ทั่วประเทศ เมื่อชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อเข้าแจ้งความเอาผิดมักจะลอยนวล เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้ประโยชน์คอยเคลียร์และคอยอำนวยความสะดวกให้

   “จอมมารน้อย”หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนเพื่อสื่อให้เห็นว่าแก๊งมิจฉาชีพมีสารพัดเล่ห์ที่ใช้หลอกลวงต้มตุ๋น ตบทรัพย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวังเอาเอง เพราะถ้าตกเป็นเหยื่อแล้วหวังพึ่งเจ้าหน้าที่รัฐคงลำบาก เว้นแต่จะมีเส้นสายถึงจะได้รับบริการที่ดี !!!

ฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล  รมต.มหาดไทย ลงมากวาดล้างไอ้พวกเห็บในคราบนักบุญพวกนี้ อย่างจริงจังเพราะพวกมันเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ทำมาหากินที่เป็นบริสุทธิ์ในทุกยุค ตามที่ท่านเคยเอ่ยว่าคนพวกนี้ต้องหมดไป หากท่านจริงใจต่อการปราบผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ เพราะประชาชนต่างเฝ้ารอ..!!!