“ทุ่งดอกบัวตอง” ทะเลหมอก ดอกไม้และหยดน้ำค้าง ในความทรงจำ

453

“ไม่มีใครรู้ว่าการเดินทางแต่ละครั้งเราจะเจอกับอะไรบ้าง แน่นอนมันอาจเจอทั้งเรื่องดี และเรื่องแย่ๆ เป็นไปตามที่มุ่งหวัง หรือผิดหวัง แต่เชื่อเถอะว่าทุกการเดินทางมันให้อะไรกับเราเสมอ” 

11 พฤศจิกายน 2567 วันคนโสด วันช้อปปิ้งของจีน ส่วนไทยเราวันนี้มีการเปิดงานท่องเที่ยวทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน วันแรก ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมเพียงปีละครั้งเท่านั้น ซึ่งรองเท้าแก้วบอกเลยว่า “ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ”เป็นสถานที่ต้องไปเยือนรับลมหนาว เพราะทุ่งดอกบัวตองสำหรับรองเท้าแก้วแล้ว จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมากๆอีกที่ในความทรงจำเลย ซึ่งปีนี้จริงๆแล้ว รองเท้าแก้วมีแพลนจะขึ้นเหนือไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนที่ไปดอกบัวตองจะร่วงโรยหมดหรือไม่ จึงอยากจะนำความประทับใจเมื่อครั้งที่ได้เยือนหลายปีก่อน มาบอกเล่ากัน เพราะเชื่อว่าไม่ว่าจะไปกี่ครั้งทุ่งดอกบัวตองก็ยังคงสวยตราตรึงใจใครหลายๆคนเสมอ 


ณ จุดเริ่มต้น ทริปเล็กๆของรองเท้าแก้วกับผองเพื่อน ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันหลังจากที่ได้เดินทางทริปเหนือเมื่อ2ปีก่อน ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยการจัดแพลนขึ้นเหนือ แบบค่ำไหนนอนนั่น โดยมีเป้าหมายคือทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในประเทศไทย อันนี้เป็นการซาวเสียงจากรีวิวท่องเที่ยวต่างๆ ส่วนสถานที่อื่นๆไม่ว่าจะเป็นดอยอ่างขาง ม่อนแจ่ม ป่าปงเปียง ดอยอินทนนท์ ในแผนไม่กำหนดตายตัว เราตั้งใจแค่ว่า สถานที่ไหนสวยๆระหว่างทางหากมีเวลาก็ค่อยแวะ …. เพราะเราต่างคิดเหมือนกันว่า 

“ทุกการเดินทางไม่ว่าปลายทางหรือระหว่างทาง ล้วนให้ประสบการณ์และฝึกให้เราได้แก้ไขปัญหา” 


เช้าวันเดินทาง สมาชิกนัดพบกัน 06.30น. ที่บ้านใน อ.นครไทย จว.พิษณุโลก เพื่อสำรวจความพร้อมและที่สำคัญต้องกินมื้อเช้าและเตรียมเสบียงก่อนออกเดินทาง โดยเช้านี้ได้หมูปิ้งและปลาทอดกับข้าวเหนียวร้อนๆแถมข้ามหลามอร่อยๆ หลังกินอิ่มสำรวจสัมภาระเรียบร้อยเวลาล้อหมุนจริงๆก็ 8โมงเช้า เราเดินทางโดยใช้รถยนต์2 คัน คันละ 4 คน ขับเร็วบ้างช้าบ้างผ่านจังหวัดลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ และเข้าสู่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน รวมกว่า 600 กม.

“ตลอดทางมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บนสนทนาในรถมีหลากหลายเรื่องราว ทั้งเรื่องในสมัยเรียน เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่Taylore Swif และMaroon5 จนเราคุยกันเล่นๆว่า ชื่อทริปนี้น่าจะใช้ว่า “Taylore Trip”นอกจากนี้ยังมีเรื่องวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การเดินทางของแสง ชื่อรังสีแสง และคลื่นต่างๆทบทวนความรู้กันสนุกสนานเรียกเสียงหัวเราะสลับกับเสียงเพลงกันเลยทีเดียว  … “

บางครั้งเราผ่านสถานที่สวยๆก็จอดแวะถ่ายรูปกัน อย่างนาขั้นบันได ที่แม่สะเรียง และสวนดอกบัวตองที่แม่เหาะ ดอกสีเหลืองสดบานสะพรั่งของดอกบัวตองในจุดนี้ไม่ใหญ่เท่าที่แม่อูคอ แต่ก็สวยงาม สีเหลืองทองอร่ามของดอกบัวตองทำให้เรารู้สึกหายเหนื่อย และจินตนาการถึงทุ่งดอกป่าตองที่บานเต็มภูเขาที่ดอยแม่อูคอ…แน่นอนมันคงสวยมากแน่ๆสำหรับผู้มาเยือนหน้าใหม่อย่างเรา 



การเดินทางเมื่อเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง  ตะวันก็ค่อยๆลาลับ ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม ทางขึ้นเขามุ่งสู่ขุนยวมเริ่มมืดเราต่างสัมผัสได้ถึงความเย็น มองไปสองข้างทางเป็นภูเขาน้อยใหญ่เรียงรายสลับซับซ้อนช่างสวยงามและน่าค้นหา ฝูงนกที่โบยบินและส่งเสียงอยู่บนเขามันคงแปลกใจยามเห็นแสงไฟจากรถที่วิ่งฝ่าควาามืดมิดไป 

รถยังคงวิ่งไปข้างหน้าฝ่าความมืด โดยอาศัยแสงจันทร์ที่ลอยเด่นช่วยนำทางให้เรามาถึงที่ขุนยวมราว2ทุ่ม เราแวะปั้มน้ำมันและซื้อของกินในร้านสะดวกซื้อและตกลงกันว่าคืนนี้จะนอนที่ขุนยวมก่อน เพราะถึงเช้ากว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ขณะที่เรากำลังคุยกันเรื่องที่พัก ชายที่ยืนกดเงินอยู่ที่ATM ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นครูสอนอยู่บ้านอูคอ และเพิ่งลงมาจากเขา แนะนำให้เราไปกางเต้นท์นอนที่บนดอยแม่อูคอเลย เพราะอากาศดีและคนไม่เยอะ โดยจากจุดนี้ห่างไปอีกราว 30 กม.หรือไม่ก็พักที่รีสอร์ทเจ๊นิด ซึ่งอยู่ไม่ไกล ..เราจึงตกลงกันว่าจะยอมเดินทางต่อไปตามคำแนะนำของคุณครูบ้านแม่อูคอ เพื่อที่ว่าตอนเช้าจะได้ตื่นมาชมทุ่งดอกบัวตอง และประหยัดค่าที่พักไปหนึ่งคืน (ต้องบอกก่อนว่าหลายปีกอนที่รองเท้าแก้วไป บนดอยแม่อูคอให้กางเต็นท์นอนบนนั้นได้ แต่ว่าปีนี้รองเท้าแก้วไม่แน่ใจว่ามีสถานที่อื่นๆที่ใกล้เปิดให้กางเต็นท์หรือไม่ ) 



ระหว่างทางมุ่งสู่บ้านอูคอ ทางค่อยข้างคดเคี้ยว มองไปข้างทางมีดอกบัวตองทั้งสองฝั่ง ถนนทอดไกลออกไปมีภูเขาล้อมรอบ มองเห็นดวงจันทร์ลอยเด่นชัด มีหมู่ดาวนับร้อยห้อมล้อม แม้ในยามค่ำคืน แต่ทุกสิ่งดูสวยงาม เราขับเข้ามาเรื่อยๆและคิดว่า รีสอร์ทเจ๊นิด หรือถ้ามีสถานที่บริการนักท่องเที่ยว ก็คงจะมีแสงไฟ และมีเจ้าหน้าที่คอยบริการ แต่ทุกสิ่งไม่ได้สวยหรูเช่นนั้น หากแต่สถานที่ต่างๆปิดไฟเงียบ มีรถนักท่องเที่ยวจอดอยู่แต่แปลกที่เงียบ และเราแทบไม่เห็นคน มีเพียงร้านค้าไม่กี่ร้านที่ใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ เราเดินเข้าไปสอบถามหาสถานที่กางเต้นท์ เจ้าของร้านบอกว่ากางได้หลายจุด แต่ไม่มีไฟฟ้า และห้องน้ำก็อยู่ไกล … 

เวลาเกือบ3ทุ่มกว่า เราปรึกษากันว่าถ้าจะขับรถลงไปหาที่พักข้างล่างก็อีกชั่วโมง สมาชิกทุกคนก็เริ่มเหนื่อย เราเลยตัดสินใจขอเจ้าของร้านกางเต้นท์นอนหน้าลานข้างหน้า ซึ่งมองไปรอบๆนี่เราอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตอง โดยมีพระจันทร์ลอยเด่น เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ

 สมาชิกทั้ง8ไม่รอช้าเริ่มกางเต้นท์นอน2เต้นท์ เดินไปสำรวจห้องน้ำต้องบอกว่าดีกว่าที่เราคิดเพราะมีห้องอาบน้ำและห้องสุขาหลายห้อง แต่อากาศที่หนาวและดึก มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้อง ชวนให้เรารีบซุกตัวใต้ผ้าห่มมากกว่าที่จะอาบน้ำซะอีก สมาชิกหลายคนเลยยอมซักแห้งกันไป

“ไม่มีใครรู้ว่าการเดินทางแต่ละครั้งเราจะเจอกับอะไรบ้าง แน่นอนมันอาจเจอทั้งเรื่องดี และเรื่องแย่ๆ เป็นไปตามที่มุ่งหวัง หรือผิดหวัง แต่เชื่อเถอะว่าทุกการเดินทางมันให้อะไรกับเราเสมอ” 
 


เกือบ 6 โมงเช้า ฝนหยุดตกไปตอนไหนไม่รู้ เราพร้อมใจกันตื่นเพราะได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่ขึ้นไปกางเต้นท์นอนด้านบน คุยกันดังจ๊อกแจ๊กจอแจมาแต่ไกล เรางัวเงียๆเปิดประตูและก้าวลงจากรถ พยายามเพ็งมองออกไปรอบๆ ภาพแรกที่พวกเราเห็นเมื่อยามรุ่งสาง บนยอดเขาสูงชันสลับซับซ้อนที่โอบอุ้มทุ่งดอกบัวตองไว้มีหมอกสีขาวลอยมาปกคลุม ราวกับภูเขาไฟฟูจิ มองลงมายังทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองอร่ามออกดอกบานพรมพื้นเป็นริ้วยาวทั่วเนินเขาท่ามกลางสายหมอกและหยดน้ำค้าง ส่วนเรานั้นแทรกอยู่กลางทุ่งบัวตอง เปรียบดั่งเกสรดอกไม้ที่มีสีสันตัดกับสีเหลืองอร่าม ให้ความรู้สึกสดชื่น ชวนลืมเหตุการณ์ชลมุนวุ่นวายเมื่อตอนตี 4 


เราต่างรีบเปิดประตูและก้าวลงมาจากรถยืนยืดเส้นยืดสาย บิดขี้เกียจพร้อมกับสูดอากาศอันบริสุทธิ์จนเต็มปอด อากาศกำลังเย็นสบายไม่ถึงกับหนาวมากเพื่อนๆที่ไม่ได้อาบน้ำเมื่อคืน เช้านี้จึงตัดสินใจอาบน้ำปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ ก่อนจะหยิบกล้องถ่ายรูป กดซัตเตอร์เก็บภาพดอกบัวตองไว้ในความทรงจำกันหลากหลายมุม 

” ดอกบัวตองเช้านี้มีทั้งดอกอ่อนที่กำลังเบ่งบาน และบานเต็มที่ ขณะที่บางดอกเริ่มร่วงโรยโบกลาแสงตะวันร่วงหล่นสู่พื้นผันแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา …ไม่ได้แตกต่างจากชีวิตเราเลย” 

เราถ่ายรูปกันอยู่หลายจุดได้ภาพที่สวยถูกใจแล้ว ก็ไปซื้อของกิน ตามร้านค้าจะมีซาลาเปา ไข่ปิ้ง มันปิ้ง และข้าวโพดปิ้ง แน่นอนว่าเป็นอาหารเช้าที่ดีเยี่ยมที่สุด และอร่อยสุดๆแล้ว การได้ซื้อของกินและของฝากติดไม้ติดมือ นำมาซึ่งรอยยิ้มของพ่อค้าแม่ค้าเราเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย ถ้าหากไม่มีร้านค้าเราคงจะลำบากและต้องทนหิวแน่ๆ 

“เริ่มสายทุ่งดอกบัวตองยิ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทยอยเดินทางมาเยือนและชมความสวยงามของเจ้าดอกบัวตองอย่างไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่บอกว่า สายๆ คนจะเยอะมาก เพราะดอกบัวตองมีเวลาผลัดดอกสลับกันเบ่งบานเต็มที่ก็เดือนเดียว ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเลยมาเที่ยวกันมากเป็นพิเศษ” 

เราสำรวจความพร้อมก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ สายน้ำแห่งขุนเขา ซึ่งมีป้ายเขียนบอกไว้ว่าอยู่ห่างออกไปอีก 8 กม. ระยะทางไม่ไกลแต่ทางมีทั้งขึ้นเขาลงเขาคดเคี้ยวมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่าง ผ่านทุ่งนาขั้นบันไดที่ของชาวไทยภูเขา แม้ว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วแต่ยังคงสวยอยู่ เราอดใจไม่ได้ที่จะเก็บภาพไว้เช่นกัน… เมื่อไปถึงอุทยานจะเสียค่าเข้าคนละ20บาท จอดรถแล้วเดินย้อนขึ้นไปอีก 100เมตรก็จะมองเห็นน้ำตก…เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้ไม่นาน เพราะปลายทางต่อไปคือ ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ 



“น้ำตกแม่สุรินทร์เป็นน้ำตกชั้นเดียว ไหลจากหน้าผาสูงตกลงสู่หุบเขาประมาณ 100 เมตร นับเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดและได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือของไทย … รองเท้าแก้วแอบคิดในใจว่า  และแล้วเราก็ได้มาเยือนน้ำตกแห่งนี้ จำได้ว่า สมัยเรียนเคยท่องเป็นความรู้รอบตัว เพื่อตอบคำถามครู” 

โดย รองเท้าแก้ว