ผู้ประกอบการ จ.จันทบุรี เตรียมพร้อมส่งออกลำไยไปจีน

656

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผย ผู้ประกอบการ จ.จันทบุรีเตรียมพร้อมส่งออกลำไยไปจีน เน้นย้ำให้ส่งออกสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยตรงตามมาตรฐานของประเทศปลายทาง เพื่อร่วมกันรักษาตลาดลำไยให้ยั่งยืน

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ศ.ดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ มีนโยบายให้กรมวิชาการเกษตรเร่งขับเคลื่อนนโยบายผัก ผลไม้ ต้องปลอดภัยและมีคุณภาพสำหรับการบริโภคทั้งในประเทศและการส่งออก เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ภาคเกษตรไทย จึงได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จ.จันทบุรี (สวพ.6) จัดการประชุม “ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุลำไยภาคตะวันออก ปี 2567/2568” โดยเน้นย้ำให้ส่งออกสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยตรงตามมาตรฐานของประเทศปลายทาง เพื่อร่วมกันรักษาตลาดลำไยให้ยั่งยืน ครั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุลำไย และผู้เกี่ยวข้อง รับทราบสถานการณ์การผลิต การส่งออก ผลการขึ้นทะเบียนสายเก็บลำไยฤดูกาลผลิตปี 67/68 ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2567 เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักเกณฑ์ กฎระเบียบต่าง ๆ ให้เป็นทิศทางเดียวกัน


ด้าน นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผอ.สวพ.6 กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ มีนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.จันทบุรี เป็นประธานประชุมและมอบนโยบาย สำหรับตนในฐานะผู้กำกับดูแลภารกิจการขึ้นทะเบียนโรงคัดบรรจุและการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้กฎ ระเบียบ และเงื่อนไขการส่งออกสินค้าพืช ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับฤดูกาลส่งออกลำไยของภาคตะวันออกตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมวิชาการเกษตรและนายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะที่กำกับดูแล สวพ.6 ปัจจุบันมีโรงคัดบรรจุลำไยที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออกและสามารถส่งออกตามเงื่อนไขของประเทศจีนได้ในปี 67 จำนวน 103 โรง อยู่ในจ.จันทบุรี 100 โรง สระแก้ว 2 โรง และระยอง 1 โรง


ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานการศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบศัตรูพืชกักกันและสารพิษตกค้างในลำไยนำเข้าจากต่างประเทศอยู่เป็นระยะ โดยสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง แจ้งว่าทางการจีนมีความเข้มงวดในการตรวจสอบสวนผลไม้และโรงคัดบรรจุของไทยที่ส่งออกไปจีน โดยสุ่มตรวจประเมินระยะไกลผ่านทางวีดิโอคอนเฟอเรนซ์เดือนละ 1 ครั้ง จึงขอความร่วมมือให้ชาวสวนและผู้ประกอบการเข้มงวดในเรื่องดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ทางจีนระงับการนำเข้าลำไย อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลส่งออกลำไยที่กำลังจะมาถึงด้วย

สำหรับสถานการณ์ส่งออกลำไยสดภาคตะวันออกฤดูกาลผลิต ปี 67/68 ตั้งแต่เดือน ก.ค. – ต.ค. 67 ส่งออกลำไยสดภาคตะวันออก 2,215 ตู้/ชิปเม้นท์ รวม 54,738.73 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,416.34 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชจันทบุรี ได้ตรวจสอบศัตรูพืชที่โรงคัดบรรจุลำไย เพื่อออกใบรับรองสุขอนามัยพืช โดยโรงคัดบรรจุต้องแสดงข้อมูลหลักฐานว่าสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์มีการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และต้องผ่านเกณฑ์ตามข้อตกลงพิธีสารกำหนดไว้ และสุ่มตรวจศัตรูพืช กรณีโรงคัดบรรจุที่ไม่ถูกแจ้งเตือนพบศัตรูพืชจะสุ่มตรวจ 3 % ของจำนวนสินค้าทั้งหมดบนตู้คอนเทนเนอร์ และกรณีโรงคัดบรรจุที่ถูกแจ้งเตือนพบศัตรูพืชจะสุ่มตรวจ 5 % ของจำนวนสินค้าทั้งหมดบนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งที่ผ่านมาโรงคัดบรรจุได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นอย่างดี เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญ หากตรวจพบศัตรูพืชที่ประเทศปลายทางจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเกิดความเสียหายกับสินค้า คาดกลางเดือนพ.ย.67 ถึงเดือนม.ค. 68 การส่งออกจะเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ นายธัญสิทธิ์ ชาติวิริยะพงษ์ เกษตรจ.จันทบุรี ได้รายงานสถานการณ์การผลิตลำไยของภาคตะวันออก มีพื้นที่ปลูกลำไยรวมทั้งสิ้น 343,117 ไร่ พื้นที่ให้ผล 333,801 ไร่ ผลผลิตคาดการณ์รวม 387,709 ตันซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่ 306,900 ตัน เป็นของจ.จันทบุรี และอีก 74,596 ตัน เป็นของจ.สระแก้ว ส่วนที่เหลือ 6,213 ตันจะกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ โดยรอบ โดยสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี ได้รายงานการขึ้นทะเบียนสายเก็บลำไยจ.จันทบุรี ฤดูกาลผลิต ปี 67/68 (วันที่ 15 ก.ย.– 31 ต.ค. 67) มีโรงคัดบรรจุขึ้นทะเบียน 40 โรง แยกเป็นขึ้นทะเบียนสายเก็บ 293 ราย รถทอย 30 ราย และแรงงานในความดูแลตามมาตรา 64 อีก 8,545 ราย สำหรับสายเก็บอิสระหรือรับเหมาทั่วไปขึ้นทะเบียน 75 ราย รถทอย 5 ราย และแรงงานในความดูแลตามมาตรา 64 จำนวน 1,081 ราย


นอกจากนี้ การประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินค่ามาตรฐานของประเทศจีน ซึ่งต้องมีปริมาณตกค้างในผลไม้สดไม่เกินข้อกำหนดในกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบผลการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ก่อนการส่งออกให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดย สวพ.6 จะสุ่มตรวจก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์หากพบเกินค่ามาตรฐานจะดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดเพื่อพัฒนาระบบการส่งออกให้เป็นไปตามที่จีนต้องการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ได้ดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกันให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพผลผลิตส่งออกก็จะสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจการค้าลำไยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความยั่งยืน

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวเกษตร