กรมอุทยานฯจับ ‘พลายแท็งค์’ ช้างป่าหนุ่มออกนอกพื้นที่ หลังพบสร้างความเดือดร้อนชาวบ้านในพื้นที่ ขสป.กะทูน จ.นครศรีธรรมราช
31 ตุลาคม 2567- ตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ ทำลายทรัพย์สินพืชผลทางการเกษตร และเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน โดยให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และจัดหาสถานที่เหมาะสมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสัตว์ป่า
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าได้รับรายงานจาก นายเทอดไท ขวัญทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในสังกัด ฝ่ายปกครอง ตลอดจนผู้นำในชุมชน เร่งดำเนินการจับและเคลื่อนย้ายช้างป่าเพศผู้วัยหนุ่มที่มีชื่อว่า “พลายแท็งค์” หลังพบว่าได้ออกจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากะทูน และเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช
พลายแท็งค์ ช้างป่าหนุ่มที่มีพฤติกรรมชอบออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 8 และหมู่ 10 ตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน มาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง 14 ตุลาคม 2567 รวมระยะเวลากว่า 3 เดือน แม้ทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากะทูน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านจะพยายามผลักดันให้กลับเข้าป่า แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
ล่าสุด ระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2567 นายเทอดไทย ขวัญทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ได้นำทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมปฏิบัติการจับพลายแท็งค์ โดยใช้วิธีการที่ปลอดภัยและคำนึงถึงสวัสดิภาพของช้างเป็นสำคัญ ก่อนเคลื่อนย้ายไปควบคุมไว้ที่บริเวณที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากะทูนเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้ออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านอีก พร้อมทั้งเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการดูแลประมาณ 2-3 เดือน เพื่อนำพลายแท้งค์ ไปหาจุดที่เหมาะสมในการปล่อยคืนสู่ป่าที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ได้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และสร้างความเสียหายเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการสร้างสถานที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช้างป่า เพื่อรองรับช้างซึ่งมีนิสัยดุร้ายเกเร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามผลักดันแล้ว แต่ช้างไม่ยอมกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตลอดจนการเพิ่มงบประมาณในการจัดจ้างเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว